หุ้นไทยแนวโน้มดัชนีเช้าฟื้นตามต่างประเทศ รับความหวังชัตดาวน์สหรัฐใกล้ยุติ เกาะติดงบ Q3/68

นักวิเคราะห์ฯ เผยแนวโน้มตลาดหุ้นไทยเช้านี้ดัชนีฟื้นตัว ได้แรงหนุนจากตลาดต่างประเทศที่ยังปรับตัวขึ้นต่อจากความคาดหวังสถานการณ์ชัตดาวน์หน่วยงานสหรัฐคลี่คลาย ขณะที่ปัจจัยในประเทศยังต้องติดตามการเปิดเผยผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนอย่างต่อเนื่อง โดยให้กรอบ แนวรับ 1,300 จุด แนวรับถัดไป 1,280 จุด และแนวต้าน 1,310-1,315 จุด

นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล, CISA ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า แนวโน้มตลาดหุ้น

ไทยเช้านี้คาดดัชนีฟื้นตัว สอดคล้องกับตลาดต่างประเทศที่ยังปรับตัวขึ้นต่อ จากความคาดหวังสถานการณ์ชัตดาวน์หน่วยงานกลางสหรัฐฯ จะยุติได้เร็วๆนี้

อย่างไรก็ตาม การเคลื่อนไหวของดัชนีเมื่อวานนี้ถือว่าต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ จากแรงกดดันของหุ้น DELTA ซึ่งมีอิทธิพล

ต่อดัชนี จากความกังวลเกี่ยวกับ Valuation ของหุ้นที่ค่อนข้างสูง สอดคล้องกับหุ้นในกลุ่ม AI และเทคโนโลยีในต่างประเทศ ทำให้นักลงทุนเพิ่มความระมัดระวังมากขึ้น ทั้งนี้หากไม่นับรวมผลกระทบจาก DELTA ตลาดโดยรวมจะเคลื่อนไหวในลักษณะทรงตัว

ขณะที่ปัจจัยในประเทศ ยังติดตามการเปิดเผยผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน ซึ่งปัจจุบันมีการเปิดเผย 1 ใน 3

ของบริษัทจดทะเบียนในตลาด ภาพรวมดีกว่าคาดเล็กน้อย โดยสัดส่วน 57% ดีกว่าคาด 18% ตามคาด และ 25% ต่ำกว่าคาด แนะติดตามการประกาศงบต่อเนื่อง ซึ่งจะมีแรงเก็งกำไรหลายตัวจากการคาดการณ์ผลประกอบการ

โดยให้กรอบ แนวรับ 1,300 จุด แนวรับถัดไป 1,280 จุด และแนวต้าน 1,310-1,315 จุด

ประเด็นพิจารณาการลงทุน

  • ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (11 พ.ย.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 47,927.96 จุด เพิ่มขึ้น 559.33 จุด หรือ +1.18%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 6,846.61 จุด เพิ่มขึ้น 14.18 จุด หรือ +0.21% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 23,468.30 จุด ลดลง 58.87 จุด หรือ -0.25%
  • ตลาดหุ้นเอเชียภาคเช้าปิดบวก ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดที่ระดับ 50,988.53 จุด เพิ่มขึ้น 145.60 จุด หรือ +0.29% ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดที่ระดับ 26,754.93 จุด เพิ่มขึ้น 58.52 จุด หรือ +0.22% และดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนเปิดที่ระดับ 3,996.56 จุด ลดลง 6.20 จุด หรือ -0.15%
  • ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (11 พ.ย.) 1,300.47 จุด ลดลง 5.79 จุด (-0.44%) มูลค่าซื้อขาย 32,340.64 ล้านบาท
  • นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ (11 พ.ย.) 12,460.10 ล้านบาท
  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนธ.ค. (11 พ.ย.) เพิ่มขึ้น 91 เซนต์ หรือ 1.51% ปิดที่ 61.04 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (11 พ.ย.) อยู่ที่ 3.59 เหรียญ/บาร์เรล
  • เงินบาทเปิด 32.37 ทรงตัวตามภูมิภาค ตลาดรอปัจจัยใหม่ คาดกรอบวันนี้ 32.30-32.50
  • คลัง-บีโอไอสั่งยกเลิกสิทธิประโยชน์ด้านภาษีส่งเสริมลงทุน รับเกณฑ์ OECD ดัดหลังบริษัทข้ามชาติโยกกำไรไปประเทศที่มีภาษีต่ำ ฟันกำไรอื้อ ชงใช้ระบบเครดิตนำไปใช้ลดหย่อนภาษีได้แทน ระบุปี 2568-2569 ปีทองลงทุนไทย 3 อุตสาหกรรมดาวเด่น “ดิจิทัล-อิเล็กทรอนิกส์-ยานยนต์” หนุนสร้างเศรษฐกิจใหม่
  • ประธานบอร์ดตลาดหลักทรัพย์ฯ ชงคลังออก พ.ร.ก.สกัดฟอกเงินในตลาดหุ้น บังคับให้บริษัทในตลาดหุ้นเปิดเผยข้อมูลเชิงลึกผู้รับผลประโยชน์ “ผู้ถือหุ้น” พร้อมตรวจเข้มเปิดบัญชีลงทุนต้องสงสัย ขณะที่ “กระทรวงดีอี-ภาคการเงิน” เพิ่มมาตรการป้องกันหลอกลงทุน เสนอยกเลิกส่งอีเมล์แนบลิงก์ทุกประเภท ยกระดับความปลอดภัยไซเบอร์ 7 เซ็กเตอร์เป็นมาตรฐานเดียวกัน ขณะที่ “ธปท.-ศูนย์ TB-CERT” ยันระบบ KYC แบงก์ไทยปลอดภัย ชี้กรณีสแกมเมอร์ใช้ AI หลอกยืนยันตัวตนเป็นแอปธนาคารจีน พร้อมยกระบบป้องกัน เล็งเพิ่มข้อมูลยืนยันตัวตนขั้นสูง
  • “คลัง-ธปท.-สมาคมธนาคารไทย” จับมือเปิดตัวโครงการแก้หนี้รายย่อยต่ำกว่า 1 แสนบาท “ปิดหนี้ไว ไปต่อได้” ด้าน “เอกนิติ” หวังดึงลูกหนี้พ้นกับดักหนี้-ช่วยชีวิตคน “วิทัย” หวังแก้หนี้ได้ 30-50% หรือ 8 แสนคน จากการเข้าไปแก้หนี้ 1.6 ล้านราย ในเฟสแรก
  • กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า ภาพรวมจำนวนนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ สะสมตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม ถึง 9 พฤศจิกายน รวม 27,587,845 คน สร้างรายได้จากการใช้จ่ายประมาณ 1,275,522 ล้านบาท โดยจำนวนนักท่องเที่ยวสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ มาเลเซีย 3,971,783 คน จีน 3,870,078 คน อินเดีย 2,056,933 คน รัสเซีย 1,478,167 คน และเกาหลีใต้ 1,308,510 คน
  • ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยว่า ดัชนีราคาค่าก่อสร้างบ้านมาตรฐาน ไตรมาส 3 ปี 68 มีค่าดัชนีเท่ากับ 143.2 เพิ่มขึ้น 1.5% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน และเพิ่มขึ้น 2.8% เทียบกับปีที่แล้ว สะท้อนว่าราคาค่าก่อสร้างบ้านมีการปรับตัวเพิ่มต่อเนื่อง โดยหมวดงานออกแบบก่อสร้างและงานระบบ มีราคาเพิ่มขึ้นมากที่สุด ได้แก่ หมวดงานระบบไฟฟ้าและระบบสื่อสาร รองลงมา คือ หมวดงานสถาปัตยกรรม และหมวดงานวิศวกรรมโครงสร้าง

หุ้นเด่นวันนี้

TIDLOR (ฟินันเซีย ไซรัส) “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 24 บาท กำไรไตรมาส 3/68 อยู่ที่ 1.41 พันลบ. +9% q-q, +42% y-y ดีกว่าคาด 8% หนุนจาก Credit Cost ที่ต่ำกว่าคาด รวมถึง NPL Formation ที่อยู่ในระดับต่ำ โดยรวมคุณภาพสินทรัพย์ดีกว่าที่เราคาด NPL Ratio ลดลงเหลือ 1.66% ส่วน Coverage Ratio เพิ่มขึ้นเป็น 284% สูงสุดในกลุ่ม ส่วนกำไร 9M25 คิดเป็น 80% ของประมาณการทั้งปีของเราที่ 4.9 พันลบ. +15% y-y ซึ่งมี Upside อัตราการเติบโตระยะยาวปี 2026-27 คาดยังอยู่ในระดับที่ดี +15% CAGR จากศักยภาพการเติบโตของรายได้ที่แข็งแรงของธุรกิจสินเชื่อและนายหน้าประกันภัย

GFPT (เมย์แบงก์) เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 12.70 บาท ราคาไก่ฟื้นตัว MoM ราคาไก่เนื้อภายในประเทศ ฟื้นตัว อยู่ในระดับ 38 บาท/กิโลกรัม ในเดือน พ.ย. จาก 36.5 บาท/กิโลกรัม ในเดือนต.ค. หนุนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ

เราคาดกำไรไตรมาส 4 แข็งแกร่ง ฟื้นตัวเทียบปีก่อน หนุนจากยอดส่งออกที่เติบโตขึ้น ณ ปัจจุบัน ถูกซื้อขายที่ PE68 เพียง 5 เท่า (-1.25SD ของค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี)

KCE (กสิกรไทย) ราคาพื้นฐาน 27.00 บาท เรามีมุมมองเชิงบวกกับ KCE หลังรายงานกำไรไตรมาส 3/68 อยู่ที่ 292 ลบ. ลดลง 24% YoY แต่เพิ่มขึ้น 63% QoQ กำไรสูงกว่าประมาณการของเรา 7% สาเหตุหลักมาจากอัตรากำไรขั้นต้น (GPM) ที่ดีกว่าคาด จากต้นทุนแรงงานและพลังงานที่ลดลง รวมถึงประสิทธิภาพการผลิตที่ดีขึ้นจากการปรับปรุงระบบอัตโนมัติและเครื่องจักร ยอดขายแผงวงจรพิมพ์ (PCB) แบบ HDI เพิ่มขึ้น 20% QoQ หลังจากที่ชะลอตัวลงในไตรมาสก่อนหน้า ทั้งนี้ยอดขายไปยังสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 16% QoQ และยุโรปเติบโต 5% QoQ ที่เห็นภาพของการฟื้นตัว มองไปในไตรมาส 4/68 คาดกำไรของ KCE จะเป็นบวก โดยได้รับแรงหนุนจากมาตรการลดต้นทุน การฟื้นตัวของความต้องการอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ยานยนต์ รวมถึงแนวโน้มที่ดีขึ้นของอุตสาหกรรมยานยนต์

 

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (12 พ.ย. 68)