
นายณัฐนัย อนันตรัมพร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.อินเตอร์ลิ้งค์ เทเลคอม [ITEL] กล่าวว่า อุตสาหกรรมโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลไทยกำลังอยู่ในช่วงขาขึ้นอย่างแท้จริง ITEL อยู่ในตำแหน่งที่มีศักยภาพที่จะรองรับทั้งในด้านโครงข่าย ดาต้าเซ็นเตอร์ และโครงการระดับประเทศที่ช่วยยกระดับคุณภาพการเชื่อมต่อของประเทศ”
ด้านผลประกอบการ 9 เดือนแรกปี 2568 กลุ่มบริษัทฯ มีรายได้รวม 2,181.51 ล้านบาท และขาดทุนสุทธิ 9.24 ล้านบาท โดยหากไม่รวมรายการตั้งสำรองหนี้สงสัยจะสูญ (ECL) ซึ่งเกิดจากการรอเก็บเงินจากลูกค้าบางรายรวม บริษัทฯ จะมีกำไรจากการดำเนินงานกว่า 40 ล้านบาท ซึ่งสะท้อนถึงความแข็งแรงของธุรกิจหลัก และแนวโน้มการเติบโตที่มั่นคง ทั้งนี้บริษัทอยู่ระหว่างการประสานงานเพื่อจัดเก็บเงินดังกล่าวกลับมาให้เร็วที่สุด
ผลประกอบการไตรมาส 3/68 กลุ่มบริษัทฯ มีรายได้รวม 712.12 ล้านบาท และขาดทุนสุทธิ 40.35 ล้านบาท โดยเป็นผลจากการตั้งสำรอง ECL จำนวน 36.57 ล้านบาท เพื่อบริหารความเสี่ยงทางบัญชีตามมาตรฐานการเงิน ทั้งนี้ หากไม่รวมรายการดังกล่าว ผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ยังคงอยู่ในระดับทรงตัว และพร้อมกลับมาเติบโตได้ตามปกติในไตรมาสที่ 4 บริษัทฯ มีความคาดหวังต่อการดำเนินโครงการสำคัญระดับประเทศ เช่น โครงการอินเทอร์เน็ตชายขอบระยะที่ 3 (USO Phase 3) ซึ่งจะมีบทบาทสำคัญในการยกระดับการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตทั่วประเทศ พร้อมทั้งต่อยอดรายได้จากโครงข่ายและดาต้าเซ็นเตอร์ที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง
ITEL ยังเดินหน้าขยายศักยภาพเชิงกลยุทธ์ผ่านการดึงพันธมิตรจากสิงคโปร์ Super Sea Cable Networks Pte. Ltd. (SEAX Asia) เข้ามาร่วมถือหุ้น เพื่อจัดตั้งบริษัทร่วมทุน “ITEL Global” ที่จะเป็นหัวหอกในการขยายธุรกิจด้าน Regional Connectivity และ Data Center ไปยังตลาดอาเซียน โดยวาระดังกล่าวจะถูกเสนอเข้าสู่การประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นในวันที่ 26 พฤศจิกายน 2568
“การร่วมมือกับ SEAX จะช่วยต่อยอดจุดแข็งของ ITEL ในการเชื่อมโยงโครงข่ายระดับภูมิภาค และสร้างโอกาสใหม่ในการให้บริการกับลูกค้าองค์กรและผู้ให้บริการระดับโลก” นายณัฐนัย กล่าวสรุป
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (12 พ.ย. 68)





