ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบในวันจันทร์ (17 พ.ย.) ขณะที่นักลงทุนหลีกเลี่ยงการลงทุนลอตใหญ่ก่อนการรายงานข้อมูลการจ้างงานของสหรัฐฯ ซึ่งนักลงทุนรอคอยกันมานานและอาจช่วยให้เห็นภาพชัดเจนขึ้นเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจสหรัฐฯ ซึ่งใหญ่ที่สุดในโลก
- ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดที่ระดับ 571.68 จุด ลดลง 3.13 จุด หรือ -0.54%
- ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 8,119.02 จุด ลดลง 51.07 จุด หรือ -0.63%,
- ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 23,590.52 จุด ลดลง 286.03 จุด หรือ -1.20% และ
- ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 9,675.43 จุด ลดลง 22.94 จุด หรือ -0.24%
ความกังวลว่าการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ อาจไม่เกิดขึ้นในเร็ว ๆ นี้ และความเชื่อว่าหุ้นเทคโนโลยีมีมูลค่าสูงเกินจริง เป็นปัจจัยที่กระตุ้นแรงเทขายทั่วโลกเมื่อสัปดาห์ก่อน ส่งผลให้ตลาดหุ้นยุโรปเผชิญการร่วงลงรายวันที่มากที่สุดในรอบกว่าหนึ่งเดือนเมื่อวันศุกร์
ความต้องการเสี่ยงในสัปดาห์นี้น่าจะถูกทดสอบจากรายงานการจ้างงานของสหรัฐฯ เดือนก.ย. ซึ่งจะประกาศในวันพฤหัสบดี และผลประกอบการของ Nvidia ซึ่งเป็นผู้นำด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) ระดับโลกในวันพุธ
นักวิเคราะห์ระบุว่า ประเด็นใหญ่ที่สุดของยุโรปคือสงครามวาจาระหว่างจีนและญี่ปุ่นประเด็นไต้หวัน ซึ่งกำลังกดดันภาคสินค้าหรูหราและหุ้นที่เกี่ยวข้องกับจีน ขณะที่จีนเตือนพลเมืองไม่ให้เดินทางไปญี่ปุ่น
หุ้นกลุ่มหรูยุโรป เช่น หุ้น Burberry ของสหราชอาณาจักร ร่วงลง 6.6% และหุ้น LVMH ของฝรั่งเศสลดลง 2%
กลุ่มการเงินรวมถึงธนาคารและบริษัทประกันก็ถ่วงตลาดลงในวันจันทร์เช่นกัน ขณะที่กลุ่มค้าปลีกร่วงลง 2.3% โดยหุ้น JD Sports ร่วงลง 4.7%
สำหรับหุ้นรายตัวนั้น หุ้น Saab พุ่งขึ้น 2.5% หลังบริษัทลงนามสัญญาขายเครื่องบินขับไล่ให้โคลอมเบีย มูลค่า 3.1 พันล้านยูโร (3.62 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ)
หุ้นของ WPP บริษัทโฆษณายักษ์ใหญ่ของอังกฤษ พุ่งขึ้น 11% หลังมีรายงานว่าได้รับความสนใจในการเข้าซื้อกิจการจากบริษัทคู่แข่งอย่าง Havas ของฝรั่งเศส รวมถึงกองทุนไพรเวทอีควิตี้บางแห่ง
ส่วนหุ้น FLSmidth & Co ร่วงลง 6.4% หลังบริษัทอุตสาหกรรมของเดนมาร์กประกาศว่า มิกโก เคโต ซีอีโอ เตรียมลงจากตำแหน่งและจะออกจากบริษัท
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (18 พ.ย. 68)
