
ตลาดหุ้นเอเชียปิดภาคเช้าปรับตัวขึ้นเป็นส่วนใหญ่ในวันนี้ (24 พ.ย.) โดยได้แรงหนุนจากความหวังที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนธ.ค. หลังจากจอห์น วิลเลียมส์ ประธานเฟดสาขานิวยอร์ก ส่งสัญญาณว่าเฟดอาจปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกในปีนี้
ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงปิดภาคเช้าที่ระดับ 25,578.88 จุด เพิ่มขึ้น 358.86 จุด หรือ +1.42% และดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนปิดภาคเช้าที่ระดับ 3,821.68 จุด ลดลง 13.21 จุด หรือ -0.34%
ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ปรับตัวขึ้น 0.16% ขณะที่ดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลีย เพิ่มขึ้น 1.2% ส่วนตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดทำการในวันนี้ เนื่องในวันขอบคุณแรงงาน
จอห์น วิลเลียมส์ ประธานเฟดสาขานิวยอร์กได้ส่งสัญญาณเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (21 พ.ย.) ว่าเฟดอาจจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงจากระดับปัจจุบันที่ 3.75%-4.00% เนื่องจากความอ่อนแอของตลาดแรงงานอาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจรุนแรงกว่าเงินเฟ้อที่ปรับตัวสูงขึ้น
วิลเลียมส์ยังกล่าวด้วยว่า เขามองว่านโยบายการเงินยังอยู่ในระดับที่ค่อนข้างตึงตัว แม้ว่าน้อยลงกว่าเดิมหลังการดำเนินนโยบายล่าสุด ดังนั้นจึงยังมีช่องว่างสำหรับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเป้าหมายของเฟดในระยะใกล้ เพื่อให้ทิศทางนโยบายเข้าใกล้ระดับที่เป็นกลางมากขึ้น และยังคงรักษาสมดุลในการบรรลุเป้าหมายทั้งสองประการของเฟด
การแสดงความเห็นของวิลเลียมส์ทำให้นักลงทุนคาดการณ์ว่า เฟดมีแนวโน้มที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมวันที่ 9-10 ธ.ค. ซึ่งจะเป็นการประชุมครั้งสุดท้ายของปีนี้ โดยเครื่องมือ CME FedWatch Tool บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนักราว 70% ในการคาดการณ์ว่าเฟดจะลดดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมวันดังกล่าว
หุ้น Qube Holdings ซึ่งเป็นบริษัทโลจิสติกส์ของออสเตรเลีย พุ่งขึ้น 20% หลังจากที่ Macquarie Asset Management ได้ยื่นข้อเสนอซื้อกิจการ Qube Holdings มูลค่า 1.16 หมื่นล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย (ราว 7.49 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ)
หุ้น BHP ซึ่งเป็นบริษัทเหมืองยักษ์ใหญ่ของออสเตรเลีย ดีดตัวขึ้น 0.4% หลังจากบริษัทประกาศว่าจะยุติการพิจารณาควบรวมกิจการกับ Anglo American ซึ่งเป็นบริษัทเหมืองสัญชาติอังกฤษ
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (24 พ.ย. 68)





