
นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ รมว.พลังงาน กล่าวว่า หลังคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) เห็นชอบหลักเกณฑ์การกำหนดโครงสร้างราคาก๊าซธรรมชาติใหม่ โดยให้ราคาสะท้อนต้นทุนที่แท้จริง เพื่อสร้างความเป็นธรรมต่อผู้ใช้ก๊าซธรรมชาติทุกภาคส่วน ส่งผลให้ราคาก๊าซธรรมชาติที่เข้าและออกจากโรงแยกก๊าซ รวมถึงก๊าซที่ใช้ผลิตก๊าซหุงต้ม (LPG) ใช้ต้นทุนเท่ากับราคาเฉลี่ยของก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทย ขณะที่ก๊าซธรรมชาติสำหรับการผลิตไฟฟ้า ภาคขนส่ง (NGV) และภาคอุตสาหกรรม จะใช้ราคา Pool Price ซึ่งเป็นราคาเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักของก๊าซจาก 3 แหล่ง ได้แก่ อ่าวไทย เมียนมา และก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) นำเข้า โดยราคาก๊าซธรรมชาติจากอ่าวไทย ที่เข้าโรงแยกก๊าซจะมีราคาสูงกว่าราคาก๊าซธรรมชาติจากอ่าวไทยที่นำมาคำนวณใน Pool Price ร้อยละ 10 ซึ่งโรงแยกก๊าซธรรมชาติเป็นผู้รับภาระส่วนต่างราคา โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2569 เป็นต้นไป
แม้ว่าการปรับโครงสร้างราคาก๊าซใหม่จะส่งผลกระทบต่อต้นทุนผลิตไฟฟ้าราว 2-3 สตางค์/หน่วย แต่ยืนยันว่าเป็นการปรับเพื่อความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ซึ่งสูตรใหม่กลุ่มปิโตรเคมีจะใช้ราคาก๊าซในอ่าวไทย โดยกำหนดผลตอบแทนการลงทุน (IRR) อยู่ที่ 7% ดังนั้นกำไรส่วนเกินของโรงแยกก๊าซจะนำมาลดราคาก๊าซที่ต้นทาง หรือ Pool gas ให้ราคาปรับลดลง
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (03 ธ.ค. 68)





