
นายพรชัย ฐีระเวช อธิบดีกรมสรรพสามิต เปิดเผยว่า ขณะนี้กรมสรรพสามิตอยู่ระหว่างเร่งจัดทำรายละเอียดเกี่ยวกับการปรับโครงสร้างภาษีสรรพสามิตยาสูบ (บุหรี่) เพื่อเสนอให้กระทรวงการคลังพิจารณา และจากนั้นคาดว่าจะเสนอให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาได้ภายในเดือน ธ.ค. 68 และหากกฤษฎีกาตรวจร่างกฎกระทรวงดังกล่าวเรียบร้อยก่อนยุบสภา ในเดือน ม.ค. 69 ตามที่รัฐบาลได้แถลงนโยบาย กฎหมายก็จะมีผลบังคับใช้ได้
ทั้งนี้ มีความเป็นไปได้ว่าโครงสร้างภาษีบุหรี่ใหม่ จะเป็นแบบอัตราเดียว (1 Tier) โดยจะมีการขยับอัตราการจัดเก็บทั้งในส่วนของการจัดเก็บตามปริมาณ และการจัดเก็บตามมูลค่าเพิ่มขึ้น จากปัจจุบันมีการจัดเก็บภาษีบุหรี่ตามมูลค่า ที่ 25% ของราคาขายปลีกแนะนำ สำหรับบุหรี่ที่กำหนดราคาขายปลีกซองละไม่เกิน 72 บาท และ 42% ของราคาขายปลีกแนะนำ สำหรับบุหรี่ที่กำหนดราคาขายปลีกตั้งแต่ซองละ 72 บาท และให้จัดเก็บภาษีตามปริมาณที่ 1.25 บาทต่อมวน
นายพรชัย กล่าวว่า เรื่องนี้มีการศึกษามานาน มีการหารือกับหลายฝ่ายและส่วนใหญ่ยอมรับได้กับการจัดเก็บภาษีแบบ 1 Tier แต่จะต้องดูแลเรื่องผลกระทบกับคนที่เกี่ยวข้อง ขณะเดียวกัน มองว่าการจัดเก็บภาษีบุหรี่แบบ 1 Tier นั้น จะเข้าทฤษฎีเรื่องดีมานด์และซัพพลายที่เสรีมากกว่าแบบ 2 Tier คือมีความเสรีและอิสระในการตั้งราคามากขึ้น และจะช่วยทำให้มีความหลากหลายในเรื่องของแบรนด์มากขึ้น ดังนั้น ในอีกมุมหนึ่งผู้ประกอบการอาจไม่ต้องมาแข่งขันกันเรื่องราคาก็ได้
ส่วนที่ผ่านมาที่ใช้การจัดเก็บแบบ 2 Tier นั้น ต้องยอมรับว่าภาษีที่จัดเก็บได้ส่วนใหญ่มาจาก Tier ล่างเป็นหลัก และเชื่อว่าแม้จะมีการปรับมาใช้แบบ 1 Tier ก็ไม่น่ามีผลกระทบกับอุตสาหกรรมมากนัก เพราะระยะเวลาที่ผ่านมาผู้ประกอบการมีการปรับและเปลี่ยนตัวเองกันเยอะอยู่แล้ว ดังนั้น เรื่องภาษี 1 Tire จึงไม่น่าผลทำให้ราคาบุหรี่ในตลาดเปลี่ยนมากนัก ขณะเดียวกัน ภายใต้สมมุติฐานทั้งหมดก็คาดว่า จะช่วยทำให้รายได้จากการจัดเก็บภาษีในส่วนนี้เพิ่มขึ้นด้วย
สำหรับกรณีที่มีการมองว่าอัตราภาษีบุหรี่แบบ 2 Tier นั้นเป็นการบิดเบือนราคาขายปลีกในตลาดหรือไม่ นายพรชัย กล่าวว่า ไม่อยากพูดว่าเป็นการบิดเบือนราคาตลาด แต่ต้องยอมรับว่าเมื่อมีการจัดเก็บภาษีแบบ 2 Tier แน่นอนว่าผู้ประกอบการเกือบทุกรายก็จะวิ่งไปสู่ Tier ที่ต่ำกว่า ดังนั้น ที่ผ่านมาจึงอาจเห็นในอุตสาหกรรมบุหรี่ทุกคนวิ่งไปเกาะที่ราคาขายปลีก 70-72 บาทเป็นหลัก แต่ทั้งหมดถือเป็นโครงสร้างที่ภาคอุตสาหกรรมจะต้องหาจุดสมดุลที่เหมาะสมกับตัวเอง
ดังนั้น เมื่อเอาเส้นเรื่องอัตราภาษี 2 Tier ออก ก็จะช่วยทำให้ตลาดมีความเสรีในการแข่งขันผ่านการตั้งราคามากขึ้น และสุดท้ายจะอยู่ที่ความต้องการของผู้บริโภคที่จะเลือกบริโภคบุหรี่ที่ระดับราคาแบบใด ซึ่งตรงนี้ผู้ประกอบการก็อาจจะต้องไปแข่งขันกันต่อในเรื่องของคุณภาพ ประเภทใบยา เป็นต้น
อย่างไรก็ดี ในส่วนของมาตรการควบคู่กับการปรับโครงสร้างภาษีบุหรี่นั้น กรมฯ จะเร่งเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันและปราบปรามสินค้าลักลอบผิดกฎหมาย โดยจากการยกระดับการทำงาน ทำให้พบว่า ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา ผลการปราบปรามสินค้าลักลอบผิดกฎหมายเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน โดยเฉพาะบุหรี่ ซึ่งจับได้เกือบ 4,000 คดี ของกลางกว่า 7 แสนซอง ทั้งนี้ กรมฯ จะเพิ่มความเข้มข้นในส่วนนี้เพื่อปราบปรามให้บุหรี่เถื่อนหายไปจากประเทศไทย
สำหรับเป้าหมายการจัดเก็บรายได้ในปีงบประมาณ 2569 ของกรมสรรพสามิต อยู่ที่ 578,200 ล้านบาท โดยกรมฯ ตั้งเป้าหมายจะเร่งดำเนินการให้ได้ตามที่ได้รับมอบหมาย ขณะที่การจัดเก็บรายได้ในปี 2570 อยู่ที่ 611,220 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าราว 5.7% ผ่านแนวทางการเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดเก็บรายได้ รวมถึงการขยายฐานภาษีใหม่ ๆ อาทิ การขยายฐานภาษีสินค้าที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ขยายฐานภาษีสินค้าหรือบริการฟุ่มเฟือย จัดเก็บภาษีความเค็มเพื่อลดปัญหาสุขภาพ ปรับโครงสร้างภาษีแบตเตอรี่ เพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และสนับสนุนการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยี
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (03 ธ.ค. 68)




