
ประธานาธิบดีไล่ ชิงเต๋อ ของไต้หวันให้สัมภาษณ์กับนิวยอร์กไทม์ส โดยระบุว่า เศรษฐกิจจีนกำลังอยู่ในภาวะยากลำบาก และประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ควรหันมาให้ความสำคัญกับการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน มากกว่าการผลักดันแนวคิดการขยายดินแดน ขณะเดียวกันเขายังกล่าวว่าไต้หวันมีความพร้อมที่จะร่วมมือเพื่อช่วยจัดการความท้าทายทางเศรษฐกิจของจีน แม้ยังไม่ได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติม
ก่อนหน้านี้ จีนได้เพิ่มแรงกดดันทั้งทางการทหารและการเมืองต่อไต้หวัน โดยรัฐบาลปักกิ่งยังคงยืนยันว่าเกาะไต้หวันเป็นดินแดนของตน ส่วนรัฐบาลไต้หวันปฏิเสธข้ออ้างดังกล่าวอย่างหนักแน่น โดยไล่ระบุในการสนทนาบนเวที DealBook Summit ของนิวยอร์กไทม์สว่า ไต้หวันมีแนวโน้มเศรษฐกิจเติบโตถึง 7.37% ในปี 2568 ขณะที่บรรดาสถาบันการเงินระหว่างประเทศประเมินว่าเศรษฐกิจจีนจะเติบโตเพียงเล็กน้อยเหนือระดับ 4%
สำนักงานสถิติของไต้หวันระบุว่า เศรษฐกิจไต้หวันที่พึ่งพาอุตสาหกรรมเทคโนโลยีเป็นหลักกำลังจะเติบโตเร็วที่สุดในรอบ 15 ปี จากความต้องการเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่เพิ่มขึ้น
ด้านสำนักงานกิจการไต้หวันของจีนยังไม่ได้แสดงความเห็นต่อคำให้สัมภาษณ์ของผู้นำไต้หวันในครั้งนี้ ขณะที่ข้อมูลของสถาบันต่าง ๆ อย่างกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF), ธนาคารโลก, โกลด์แมน แซคส์ และสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจจีนในปี 2568 จะเติบโตอยู่ระหว่าง 4.5% ถึง 5% โดยภาพรวมเศรษฐกิจจีนยังอยู่ในทิศทางที่จะบรรลุเป้าหมายการเติบโตในปีนี้ที่ราว 5% จากแรงสนับสนุนของภาครัฐและการส่งออกที่ฟื้นตัว แม้ความกังวลเรื่องภาษีสหรัฐฯ อาจกดดันเพิ่มขึ้นก็ตาม
อย่างไรก็ตาม จีนยังต้องรับมือกับปัญหาความไม่สมดุลภายในประเทศ เนื่องจากการผลิตภาคอุตสาหกรรมขยายตัวรวดเร็วกว่าความต้องการบริโภค ทำให้หลายฝ่ายคาดว่าภาวะเงินฝืดอาจยังคงดำเนินต่อไปในปีหน้า แม้รัฐบาลจะพยายามลดกำลังการผลิตส่วนเกินและการแข่งขันด้านราคาแล้วก็ตาม
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (04 ธ.ค. 68)





