
สำนักงานสถิติแห่งชาติออสเตรเลียรายงานในวันนี้ (4 ธ.ค.) ว่า การใช้จ่ายของภาคครัวเรือนออสเตรเลียพุ่งขึ้น 1.3% ในเดือนต.ค. เมื่อเทียบรายเดือน ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนม.ค. 2567 และมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 0.6%
เมื่อเทียบเป็นรายปี การใช้จ่ายของภาคครัวเรือนพุ่งขึ้น 5.6% มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 4.6%
การใช้จ่ายที่แข็งแกร่งเกินคาดของภาคครัวเรือนอาจเป็นปัจจัยสนับสนุนให้ธนาคารกลางออสเตรเลีย (RBA) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีหน้า โดยล่าสุดนักลงทุนในตลาดการเงินให้น้ำหนัก 55% ในการคาดการณ์ว่า RBA จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนพ.ค.ปีหน้า เพิ่มขึ้นจากวานนี้ที่ให้น้ำหนักเพียง 18%
นอกจากนี้ ข้อมูลดังกล่าวยังส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 3 ปีพุ่งขึ้นเหนือระดับ 4% เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนม.ค. และหนุนสกุลเงินดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้นในช่วงเช้านี้ด้วย
ทั้งนี้ การใช้จ่ายภาคครัวเรือนคิดเป็นสัดส่วนกว่าครึ่งหนึ่งของผลผลิตทางเศรษฐกิจของออสเตรเลีย ด้วยเหตุนี้เจ้าหน้าที่กำหนดนโยบายการเงินของ RBA จึงจับตาข้อมูลดังกล่าวอย่างใกล้ชิด
ส่วนเมื่อวันพุธ (3 ธ.ค.) สำนักงานสถิติออสเตรเลียรายงานว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ขยายตัวเพียง 0.4% ในไตรมาส 3/2568 เมื่อเทียบเป็นรายไตรมาส ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าอาจขยายตัว 0.7% และเมื่อเทียบเป็นรายปี ตัวเลข GDP ขยายตัว 2.1% ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าอาจขยายตัว 2.2%
ปัจจัยที่ทำให้ GDP ของออสเตรเลียขยายตัวต่ำกว่าคาดในไตรมาส 3 มาจากการที่ภาคครัวเรือนพากันออมรายได้ โดยสัดส่วนการออมเงินของภาคครัวเรือนเพิ่มขึ้นแตะระดับ 6.4% ในไตรมาส 3 จากระดับ 6% ในไตรมาสก่อนหน้า อันเนื่องมาจากรายได้ที่เพิ่มสูงขึ้น
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (04 ธ.ค. 68)





