ตลาดหุ้นเอเชียปิดเช้าบวก เก็งเฟดหั่นดอกเบี้ยสัปดาห์หน้าหลังจ้างงานชะลอตัว

ตลาดหุ้นเอเชียปิดภาคเช้าปิดภาคเช้าปรับตัวขึ้นเป็นส่วนใหญ่ในวันนี้ (4 ธ.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการที่นักลงทุนมีความหวังมากขึ้นว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมสัปดาห์หน้า หลังมีรายงานว่าการจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐฯ ปรับตัวลงสวนทางกับการคาดการณ์

ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดภาคเช้าที่ระดับ 50,596.24 จุด เพิ่มขึ้น 731.56 จุด หรือ +1.47% ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงปิดภาคเช้าที่ระดับ 25,809.45 จุด เพิ่มขึ้น 48.72 จุด หรือ +0.19% และดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนปิดภาคเช้าที่ระดับ 3,879.52 จุด เพิ่มขึ้น 1.52 จุด หรือ +0.04%

ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ปรับตัวลง 0.7% และดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลีย บวก 0.2%

ออโตเมติก ดาต้า โพรเซสซิ่ง อิงค์ (ADP) เปิดเผยว่า การจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐฯ ลดลง 32,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ย. สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 40,000 ตำแหน่ง หลังจากเพิ่มขึ้น 47,000 ตำแหน่งในเดือนต.ค. โดยธุรกิจขนาดเล็กได้รับผลกระทบมากที่สุด

ข้อมูลดังกล่าวบ่งชี้ถึงความอ่อนแอของตลาดแรงงาน และทำให้นักลงทุนมีความหวังมากขึ้นว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 9-10 ธ.ค. โดยล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 89% ในการคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมครั้งนี้ ซึ่งเพิ่มขึ้นจากก่อนหน้านี้ที่ให้น้ำหนัก 87%

นักลงทุนติดตามความคืบหน้าในการสรรหาผู้ที่จะเข้ามาดำรงตำแหน่งประธานเฟดคนใหม่ โดยล่าสุดมีรายงานว่าคณะบริหารของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ยกเลิกการสัมภาษณ์ผู้เข้ารอบสุดท้าย ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวทำให้นักลงทุนคาดการณ์ว่า เควิน แฮสเซตต์ ผู้อำนวยการสภาเศรษฐกิจแห่งชาติประจำทำเนียบขาวและเป็นที่ปรึกษาของทรัมป์ จะเข้ามาทำหน้าที่ประธานเฟดแทนเจอโรม พาวเวล ซึ่งจะหมดวาระในเดือนพ.ค.ปีหน้า โดยแฮสเซตต์มีจุดยืนสนับสนุนการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเชิงรุก

นอกจากนี้ นักลงทุนจับตาการเปิดเผยดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ประจำเดือนก.ย.ของสหรัฐฯ ในวันศุกร์นี้ เพื่อหาสัญญาณที่ชัดเจนเกี่ยวกับทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟด โดยดัชนี PCE เป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่เฟดให้ความสำคัญ เนื่องจากสามารถตรวจจับการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมของผู้บริโภค และครอบคลุมราคาสินค้าและบริการในวงกว้างมากกว่าดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI)

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจในเอเชียช่วงเช้าวันนี้ สำนักงานสถิติแห่งชาติออสเตรเลีย (ABS) รายงานว่า ออสเตรเลียเกินดุลการค้าเพิ่มขึ้นแตะระดับ 4.385 พันล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย (2.90 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) จากยอดเกินดุลในเดือนก.ย.ซึ่งอยู่ที่ 3.707 พันล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย แต่ตัวเลขดังกล่าวยังต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 4.42 พันล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย เนื่องจากการส่งออกชะลอตัวลงอย่างมาก อันเป็นผลมาจากอุปสงค์สินค้าโภคภัณฑ์ของออสเตรเลียในตลาดต่างประเทศอ่อนแอลง

ทั้งนี้ ยอดส่งออกเดือนต.ค.เพิ่มขึ้นเพียง 3.4% เมื่อเทียบเป็นรายเดือน ซึ่งชะลอตัวลงอย่างมากจากเดือนก.ย.ที่เพิ่มขึ้น 7.6% ขณะเดียวกัน การนำเข้าที่เพิ่มขึ้นยังเป็นอีกสาเหตุที่ทำให้ออสเตรเลียเกินดุลการค้าต่ำกว่าคาดในเดือนต.ค. โดยยอดนำเข้าปรับตัวขึ้น 2% ในเดือนต.ค. เมื่อเทียบเป็นรายเดือน หลังจากที่เพิ่มขึ้น 1.8% ในเดือนก.ย.

นอกจากนี้ สำนักงานสถิติแห่งชาติออสเตรเลียรายงานว่า การใช้จ่ายของภาคครัวเรือนออสเตรเลียพุ่งขึ้น 1.3% ในเดือนต.ค. เมื่อเทียบรายเดือน ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนม.ค. 2567 และมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 0.6% โดยข้อมูลดังกล่าวอาจเป็นปัจจัยสนับสนุนให้ธนาคารกลางออสเตรเลีย (RBA) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีหน้า

ล่าสุดนักลงทุนในตลาดการเงินให้น้ำหนัก 55% ในการคาดการณ์ว่า RBA จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนพ.ค.ปีหน้า เพิ่มขึ้นจากวานนี้ที่ให้น้ำหนักเพียง 18%

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (04 ธ.ค. 68)