อัลพาร์สลาน บายรัคทาร์ รัฐมนตรีกระทรวงพลังงานของตุรกี เรียกร้องให้มีการคุ้มครองการจัดหาน้ำมันและก๊าซในทะเลดำ หลังเรือบรรทุกน้ำมันรัสเซีย 3 ลำ ถูกโจมตีบริเวณนอกชายฝั่งตุรกี โดยกล่าวว่า ตุรกีไม่เพียงแต่กังวลเรื่องภัยคุกคามต่อการเดินเรือเท่านั้น แต่ยังห่วงท่อส่งก๊าซใต้น้ำ 2 สาย ได้แก่ บลูสตรีม (Blue Stream) และเติร์กสตรีม (Turk Stream) ซึ่งลำเลียงก๊าซธรรมชาติจากรัสเซียไปยังตุรกีอีกด้วย
บายรัคทาร์กล่าวในการแถลงข่าวเมื่อวันพุธ (3 ธ.ค.) ว่า “เราขอเรียกร้องให้ทุกฝ่ายไม่ลากโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานเข้าไปพัวพันในสงครามนี้ เพราะมันเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของผู้คน เราต้องรักษาเสถียรภาพการไหลของพลังงานในทะเลดำและช่องแคบ (บอสฟอรัสและดาร์ดะเนลส์) ให้ต่อเนื่อง”
ยูเครนระบุว่า โดรนผิวน้ำของยูเครนโจมตีเรือบรรทุกน้ำมัน 2 ลำ เมื่อวันที่ 28 พ.ย. ส่วนเรือลำที่ 3 ถูกโจมตีเมื่อวันอังคาร (2 ธ.ค.) ขณะกำลังมุ่งหน้าไปยังท่าเรือซิโนป (Sinop) ของตุรกี ซึ่งประธานาธิบดีเรเซป ตอยยิบ เออร์โดกัน ประณามการโจมตีก่อนหน้านี้ว่า เป็นภัยคุกคามต่อความปลอดภัยในการเดินเรือ ชีวิต และสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเขตเศรษฐกิจจำเพาะของตุรกี
บายรัคทาร์ชี้แจงเหตุผลที่ตุรกียังซื้อน้ำมันและก๊าซจากรัสเซียว่า รัสเซียได้พิสูจน์แล้วว่าเป็นผู้จัดหาที่น่าเชื่อถือมากสำหรับตลาดตุรกี นับตั้งแต่ครัวเรือนตุรกีเริ่มเปลี่ยนไปใช้ก๊าซในช่วงปี 2523
อย่างไรก็ตาม บายรัคทาร์กล่าวว่า “ไม่ใช่เรื่องที่ต้องปิดบังที่เราจำเป็นต้องจัดพอร์ตแหล่งพลังงานให้สมดุล เราไม่ต้องการพึ่งพาประเทศผู้จัดหาเพียงรายเดียวหรือเพียงไม่กี่ราย” และเสริมว่า ตุรกีกำลังพยายามกระจายความเสี่ยงเกี่ยวกับประเทศผู้จัดหาน้ำมันและจัดหาก๊าซในราคาที่บริหารจัดการได้
ทั้งนี้ น้ำมันและก๊าซของรัสเซียครองสัดส่วนเกือบครึ่งหนึ่งของความต้องการพลังงานทั้งหมดในตุรกี ซึ่งเป็นสมาชิกของนาโตที่ถูกสหรัฐฯ กดดันให้ลดการพึ่งพาเชื้อเพลิงไฮโดรคาร์บอนจากรัสเซีย โดยในการพบกันระหว่างปธน.เออร์โดกันกับปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ เมื่อเดือนก.ย. ทรัมป์ได้เรียกร้องให้เออร์โดกันลดความสัมพันธ์ด้านพลังงานกับรัสเซีย ซึ่งระหว่างการพบกันครั้งนั้น บริษัทของตุรกีได้ลงนามในข้อตกลงมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์เพื่อซื้อก๊าซธรรมชาติเหลวกับบริษัทสหรัฐฯ
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (04 ธ.ค. 68)
