นายกฯ ลงใต้ร่วมถกทุกภาคส่วนวางแผนฟื้นฟูพื้นที่ประสบอุทกภัยหลังน้ำลด

นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย เป็นประธานการประชุมร่วมกับหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน เพื่อวางแผนฟื้นฟูพื้นที่หาดใหญ่ สงขลา หลังระดับน้ำลดลง ณ ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต 12 อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้ลงนามประกาศยกเลิกสถานการณ์ฉุกเฉินในเขตท้องที่จังหวัดสงขลาซึ่งประกาศไว้เมื่อวันที่ 25 พ.ย.68 หลังสถานการณ์อุทกภัยคลี่คลายลง จากการที่น้ำลดลงและการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ในการช่วยเหลือประชาชนและได้รับความร่วมมือร่วมใจจากภาคประชาชน จนหน่วยงานรัฐ รวมถึงฝ่ายปกครอง ฝ่ายสาธารณสุขที่เกี่ยวข้องสามารถบังคับใช้มาตรการตามที่กำหนดในกฎหมายต่าง ๆ ได้ตามปกติแล้ว

หลังจากรัฐบาลประกาศยกเลิกสถานการณ์ฉุกเฉินในพื้นที่จังหวัดสงขลาแล้ว ล่าสุดการฟื้นฟูหลังสถานการณ์มหาอุทกภัยได้เข้าสู่ช่วงเร่งดำเนินการอย่างจริงจัง โดยนายกรัฐมนตรี ระบุว่า ขณะนี้เป็นโหมดฟื้นฟูเต็มรูปแบบ ซึ่งทุกหน่วยงานต้องให้ความสำคัญอย่างใกล้ชิดเพื่อให้ประชาชนสามารถกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติโดยเร็วที่สุด

จากการติดตามสถานการณ์ในพื้นที่ขณะนี้ระบบสาธารณูปโภค เช่น ประปาและไฟฟ้ากลับมาให้บริการประชาชนเกือบครบถ้วนแล้ว เหลือเพียงบางส่วนที่ยังต้องซ่อมแซมระบบเพิ่มเติม พร้อมย้ำว่าหากประชาชนยังประสบปัญหาเรื่องอาหารหรือของใช้จำเป็น หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องดูแลช่วยเหลืออย่างต่อเนื่อง ไม่ให้เกิดปัญหาขาดแคลน รวมถึงการจัดการปริมาณขยะจำนวนมากที่ตกค้างจากน้ำท่วม ที่แม้ทุกฝ่ายจะเร่งขนถ่ายขยะมาตลอด แต่ยังมีขยะจำนวนมากภายในบ้านเรือนของประชาชน ซึ่งจะปรากฏชัดเจนเมื่อประชาชนทยอยกลับเข้าบ้าน โดยนายกรัฐมนตรีขอให้ทุกหน่วยงานระดมทรัพยากรและกำลังคนอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในช่วงสัปดาห์นี้ เพื่อเร่งเก็บและขนย้ายขยะไปยังจุดกำจัดที่กำหนด พร้อมย้ำว่าปริมาณขยะจะลดลงตามลำดับ หากดำเนินการซ้ำอย่างต่อเนื่องจนกว่าพื้นที่อยู่อาศัยจะกลับสู่สภาพเรียบร้อย

“นี่คือภารกิจสำคัญในการส่งคืนเคหสถานให้พี่น้องประชาชนได้กลับมาอยู่อาศัยอย่างปลอดภัย ขอให้ทุกทีมงานอย่าท้อถอย เพื่อให้การฟื้นฟูเป็นไปอย่างสมบูรณ์” นายอนุทิน ระบุ

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรียังได้สั่งการเพิ่มเติมถึงหน่วยงานด้านสาธารณสุขให้ดูแลประชาชนอย่างใกล้ชิด โดยขอให้ รมว.สาธารณสุขและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสร้างความมั่นใจแก่ประชาชนถึงการดูแลด้านสาธารณสุขและสุขอนามัย โดยเฉพาะการป้องกันโรคระบาดและโรคติดเชื้อที่อาจเกิดขึ้นหลังน้ำท่วม พร้อมกำชับให้มีการวางแผนเฝ้าระวังอย่างเป็นระบบ รวมถึงดูแลไม่ให้เกิดการขาดแคลนยา เวชภัณฑ์ และบุคลากรทางการแพทย์ในพื้นที่

ในด้านคมนาคม ขอให้เร่งดูแลประชาชนและฟื้นฟูระบบสัญจรให้กลับมาใช้งานได้โดยเร็ว โดยระบบคมนาคม นายกรัฐมนตรีสั่งการให้ตำรวจและกระทรวงคมนาคมเร่งเคลียร์พื้นผิวการจราจรอย่างเร่งด่วน โดยเฉพาะเส้นทางถนนหลวงที่จำเป็นต้องใช้สำหรับการขนส่งสินค้าและการเดินทางไปยังจังหวัดอื่น ๆ จากรายงานระบุว่า ขณะนี้มีการเคลื่อนย้ายรถยนต์ที่จมน้ำหรือเสียหายออกจากพื้นที่ถนนเป็นจำนวนมากแล้ว แต่ยังมีบางส่วนที่ยังไม่พบเจ้าของ นายกรัฐมนตรีกำชับว่าให้ขนย้ายรถเหล่านี้ไปเก็บรักษาในจุดที่ปลอดภัย เพื่อไม่ให้กีดขวางการจราจรหรือก่อให้เกิดอุบัติเหตุ พร้อมเน้นย้ำว่ารถเพียงไม่กี่คันที่ถูกทิ้งไว้กลางถนนอาจสร้างปัญหาการจราจรได้ จึงต้องจัดการอย่างรอบคอบและรวดเร็ว

นายกรัฐมนตรียังได้กล่าวขอบคุณทุกหน่วยงานที่ร่วมมือกันอย่างเข้มแข็งในการลงพื้นที่สำรวจประชากรและประเมินความเสียหายของบ้านเรือนในจังหวัดสงขลาตลอดหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นขั้นตอนสำคัญต่อการจ่ายเงินเยียวยาให้ประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย โดยจังหวัดสงขลาได้เริ่มจ่ายเงินเยียวยาให้ประชาชนไปแล้วเป็นจำนวนมาก โดยงบประมาณได้ถูกโอนจัดสรรไว้ล่วงหน้าเพียงพอแล้ว หากการตรวจสอบและพิสูจน์ข้อมูลความเสียหายดำเนินการได้เร็ว ก็จะสามารถเร่งจ่ายเงินช่วยเหลือให้ประชาชนได้อย่างรวดเร็วขึ้น การช่วยเหลือด้านค่าซ่อมแซมบ้านเรือนจะต้องเป็นไปตามกฎหมายและตามความเสียหายจริงของแต่ละบ้าน ไม่ใช่การเหมาจ่ายรายหัว จึงจำเป็นต้องสำรวจอย่างละเอียดและเป็นธรรมต่อทุกครัวเรือน

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขณะนี้ทุกหน่วยงานกำลังอยู่ในกระบวนการถอดบทเรียนจากเหตุการณ์อุทกภัยครั้งนี้ เพื่อพัฒนาการป้องกันและการรับมือภัยพิบัติในอนาคต โดยมองว่านี่เป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการมองเห็นปัญหาและช่องโหว่ได้ชัดเจนที่สุด พร้อมขอให้ทุกฝ่ายนำบทเรียนที่ได้มาใช้ปรับปรุงการทำงานอย่างเต็มประสิทธิภาพ โดยวันนี้ได้เชิญคณะกรรมการถอดบทเรียนและเตรียมความพร้อมรับมือมหาอุทกภัย ลงพื้นที่จังหวัดสงขลา เพื่อตรวจสอบความเสียหายจริงและประเมินผลการดำเนินงานในระยะที่ผ่านมา โดยคณะกรรมการชุดนี้ประกอบด้วยผู้ทรงคุณวุฒิและผู้เชี่ยวชาญจากหลากหลายสาขา ซึ่งได้มีการแบ่งทีมรับผิดชอบตามภารกิจที่ได้รับมอบหมายอย่างเป็นระบบ

“หากหน่วยงานใดพบปัญหาอุปสรรคในการปฏิบัติภารกิจ ให้รีบประสานขอรับการสนับสนุนจากกองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติทันที พร้อมขอให้ทุกภารกิจด้านการช่วยเหลือ ฟื้นฟู และเยียวยาประชาชน ต้องมีการกำกับ ติดตาม และรายงานผลผ่านระบบการสนับสนุนการปฏิบัติงานในภาวะฉุกเฉิน (สปฉ.) เพื่อรวบรวมข้อมูลรายงานถึงรัฐบาลเป็นประจำทุกวัน” นายอนุทิน กล่าว

หลังการประชุม นายกรัฐมนตรีและคณะได้เดินทางไปตรวจเยี่ยมประชาชนในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม พร้อมให้กำลังใจเจ้าหน้าที่อาสาสมัครกองร้อยอาสารักษาดินแดนจังหวัดสงขลา (อส.) ที่กำลังปฏิบัติภารกิจ Big Cleaning เพื่อเร่งฟื้นฟูสภาพเมืองให้กลับสู่ภาวะปกติโดยเร็ว ก่อนออกเดินจากจังหวัดสงขลาไปยังจังหวัดสตูล เพื่อติดตามสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ต่อเนื่อง

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (06 ธ.ค. 68)