เตือนเฟคนิวส์ “ยาเสพติดลอยมากับน้ำท่วม/กัมพูชายึดผาอินทรีย์”

น.ส.สุชาดา ซาง แทนทรัพย์ โฆษกกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เผยผลมอนิเตอร์และรับแจ้งข่าวปลอมของศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมประเทศไทย (AFNC) ระหว่างวันที่ 28 พ.ย.- 4 ธ.ค.68 พบข้อความเข้ามาทั้งหมด 1,050,113 ข้อความ โดยมีข้อความที่ต้องดำเนินการตรวจสอบ (Verify) ทั้งสิ้น 985 ข้อความ สำหรับช่องทางที่มีการพบเบาะแสมากที่สุด คือ ข้อความที่มาจาก Social Listening จำนวน 961 ข้อความ ตามมาด้วยการแจ้งเบาะแสผ่าน Line Official จำนวน 24 ข้อความ ความ รวมเรื่องที่ต้องดำเนินการตรวจสอบทั้งหมด 235 เรื่อง และจากการประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้รับผลการตรวจสอบกลับมาแล้ว 102 เรื่อง

ทั้งนี้สามารถแบ่งข่าวปลอมที่ได้รับความสนใจเป็น 5 กลุ่ม ประกอบด้วย

กลุ่มที่ 1 นโยบายรัฐบาล ข่าวสารทางราชการ ความสงบเรียบร้อยของสังคม ขัดศีลธรรมอันดี และความมั่นคงภายในประเทศ จำนวน 155 เรื่อง

กลุ่มที่ 2 ผลิตภัณฑ์สุขภาพ วัตถุอันตราย เครื่องสำอาง รวมถึงสินค้าและบริการที่ผิดกฎหมายจำนวน 11 เรื่อง

กลุ่มที่ 3 ภัยพิบัติ จำนวน 22 เรื่อง

กลุ่มที่ 4 เศรษฐกิจ จำนวน 5 เรื่อง

กลุ่มที่ 5 กลุ่มอาชญากรรมออนไลน์ จำนวน 42 เรื่อง

เมื่อพิจารณาจากข่าวปลอมที่ได้รับความสนใจในลำดับต้น ๆ ในสัปดาห์นี้ส่วนใหญ่เป็นข่าวเกี่ยวกับนโยบายรัฐบาล ความมั่นคงระหว่างประเทศ การให้บริการของหน่วยงานรัฐ และเรื่องภัยพิบัติ ซึ่งทั้งหมดมีผลกระทบต่อสังคมส่วนใหญ่ อาจทำให้เกิดความเข้าใจผิด สับสน ตื่นตระหนก และวิตกกังวลได้ รวมทั้งอาจทำให้สูญเสียทรัพย์สิน หรือ ข้อมูลส่วนบุคคล โดยข่าวที่ได้รับความสนใจจากประชาชนมากที่สุด 10 อันดับ ได้แก่

อันดับที่ 1 : เรื่อง พบยาเสพติดลอยมากับน้ำท่วม

อันดับที่ 2 : เรื่อง กัมพูชายึดผาอินทรีย์ สายตรี 6 บ้านกรวด ห้ามชาวบ้านกรีดยาง

อันดับที่ 3 : เรื่อง การรถไฟฯ จัดขบวนรถพิเศษ ส่งเรือสนับสนุนภารกิจกู้ภัย วิ่งตรงจาก จ.เชียงใหม่ มุ่งหน้าสู่ อ.หาดใหญ่

อันดับที่ 4 : เรื่อง เขต 8 เป็นฐานบัญชาการใหญ่ทั้งเว็บการพนัน ยาเสพติด และเป็นที่เก็บอาวุธปืน

อันดับที่ 5 : เรื่อง ทานน้ำมันมะกอกติดต่อกัน 30 วัน รักษาโรคสะเก็ดเงินได้

อันดับที่ 6 : เรื่อง ทาปิโตรเลียมเจลลี่หนา ๆ บนใบหน้า ช่วยลดริ้วรอยแก่ก่อนวัย

อันดับที่ 7 : เรื่อง แอฟริกาสั่งซื้อข้าวไทยเพิ่ม 300,000 ตัน

อันดับที่ 8 : เรื่อง ทีมภายในแชร์รหัสหุ้นธนาคารกรุงไทย เปิดให้เข้าร่วมกลุ่มเพื่อรับรหัสหุ้นฟรี

อันดับที่ 9 : เรื่อง กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เปิดเพจ Citizen Assistance Center รับแจ้งปัญหาอาชญากรรมออนไลน์

อันดับที่ 10 : เรื่อง ปตท. เปิดให้ลงทุนหุ้น OR รับประกันผลตอบแทน ที่เพจ Cafe Amazon all over Thailand

สำหรับข่าวปลอมอันดับ 1 เรื่อง “พบยาเสพติดลอยมากับน้ำท่วม” กระทรวงดีอีประสานงานร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ปปส.) กระทรวงยุติธรรม พบว่าเป็นข่าวปลอม โดยจากการตรวจสอบพบว่า คลิปข้างต้นนั้นเป็นคลิปของชาวจังหวัดนครศรีธรรมราช ซึ่งเจ้าตัวยอมรับว่า เป็นผู้จัดทำคลิปเพื่อสร้างคอนเทนต์หวังยอดผู้ชม โดยเม็ดที่เห็นในคลิปเป็นอาหารนกเอี้ยง ไม่ใช่ยาเสพติดแต่อย่างใด

เหตุการณ์นี้ถือเป็นตัวอย่างของข้อมูลที่คลาดเคลื่อนบนสื่อสังคมออนไลน์ ซึ่งอาจสร้างความสับสนและทำให้ประชาชนเกิดความวิตกกังวลโดยไม่จำเป็น จึงขอความร่วมมือประชาชนให้ตรวจสอบข้อมูลก่อนแชร์ และหากพบเบาะแสยาเสพติด หรือข้อมูลต้องสงสัย สามารถแจ้งได้ที่ สายด่วน ป.ป.ส. 1386 ตลอด 24 ชั่วโมง

ขณะที่ข่าวปลอมอันดับ 2 เรื่อง “กัมพูชายึดผาอินทรีย์ สายตรี 6 บ้านกรวด ห้ามชาวบ้านกรีดยาง” กระทรวงดีอีได้ประสานงานร่วมกับกองทัพบก กระทรวงกลาโหม ตรวจสอบพบว่า เป็นข้อมูลบิดเบือน โดยกองทัพภาคที่ 2 ได้ออกมาชี้แจงอย่างเป็นทางการแล้วว่า ภายหลังหน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่ ได้แก่ ตชด.216 และฝ่ายปกครอง ลงพื้นที่ตรวจสอบ พบว่าไม่มีทหารกัมพูชาเข้ามา ไม่มีฐานที่มั่นใหม่ และไม่มีการปรับพื้นที่ หรือการก่อสร้างเส้นทางใด ๆ ภายในเขตแดนไทย สภาพพื้นที่ยังเป็นป่ารกทึบและไม่มีหลักฐานบ่งชี้ถึงการล่วงละเมิดอธิปไตย เจ้าหน้าที่ยังคงลาดตระเวนต่อเนื่องเพื่อยืนยันสถานการณ์ให้มีความชัดเจน

พร้อมกันนี้ได้ดำเนินคดีกับผู้เผยแพร่ข้อมูลเท็จตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ โดยการติดตามข่าวจากแหล่งทางการเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อไม่ให้ประชาชนตื่นตระหนกจากข่าวลือที่ไม่มีมูล จึงขอความร่วมมือประชาชนโปรดติดตามข้อมูลข่าวสารจากหน่วยงานทางการเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม ดีอีมีความห่วงใยประชาชน เรื่องความตระหนักรู้เท่าทันข่าวปลอมที่ถูกแพร่กระจายบนสื่อออนไลน์ โซเชียล ซึ่งหากขาดความรู้เท่าทัน และส่งต่อข้อมูลข่าวปลอม ทำให้เกิดการหลงเชื่อ สร้างความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน เกิดความวิตกกังวล หรืออาจสร้างความเสียหายต่อชีวิต ทรัพย์สิน หรือข้อมูลส่วนบุคคล และอาจส่งผลกระทบต่อประชาชนในสังคมเป็นวงกว้าง ดังนั้นจึงควรตรวจสอบข้อเท็จจริงของข่าวหรือลิงก์เว็บไซต์ให้แน่ชัด

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (06 ธ.ค. 68)