
กระทรวงกลาโหมญี่ปุ่นเปิดเผยว่า เครื่องบินทหารจีนได้เล็งเรดาร์ล็อกเป้าใส่เครื่องบินขับไล่ของกองกำลังป้องกันตนเองทางอากาศ (ASDF) บริเวณพื้นที่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของจังหวัดโอกินาวา เมื่อวันเสาร์ (6 ธ.ค.) ที่ผ่านมา
ชินจิโร โคอิซูมิ รัฐมนตรีกลาโหมญี่ปุ่น แถลงข่าวด่วนในช่วงเช้ามืดของวันนี้ (7 ธ.ค.) ระบุว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเป็นพฤติกรรมที่ “อันตรายและน่าเสียใจอย่างยิ่ง” พร้อมย้ำว่า ญี่ปุ่นได้ยื่นประท้วงอย่างรุนแรงต่อจีน และเรียกร้องให้ป้องกันไม่ให้เกิดกรณีลักษณะนี้ซ้ำอีก
โคอิซูมิกล่าวว่า เครื่องบินขับไล่ J-15 ของจีนจากเรือบรรทุกเครื่องบินเหลียวหนิง ได้เล็งเรดาร์ในลักษณะล็อกเป้าต่อเครื่องบิน F-15 ของญี่ปุ่นเป็นระยะ ๆ สองครั้ง คือเวลาประมาณ 16.32 น. และอีกครั้งราว 18.37 น.
ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่กระทรวงฯ รายหนึ่ง ระบุในการแถลงข่าวต่อจากการแถลงของโคอิซูมิว่า ยังไม่ชัดเจนว่าจีนมีเจตนาอย่างไร แต่หากต้องการตรวจหาตำแหน่งเครื่องบินจริง ก็ไม่จำเป็นต้องเล็งเรดาร์เป็นช่วง ๆ เช่นนั้น
เจ้าหน้าที่เสริมว่า จากระยะห่างระหว่างเครื่องบินทั้งสองฝ่ายตามข้อมูลที่กระทรวงฯ ยืนยันได้ ญี่ปุ่นไม่ได้กระทำการใดที่เข้าข่ายยั่วยุต่อเครื่องบินจีนแต่อย่างใด
ทั้งนี้ ความตึงเครียดทั้งหมดปะทุขึ้นหลังจากซานาเอะ ทาคาอิจิ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นกล่าวต่อรัฐสภาญี่ปุ่นเมื่อวันที่ 7 พ.ย. ว่า สถานการณ์ฉุกเฉินในไต้หวันอาจก่อให้เกิดสถานการณ์คุกคามความอยู่รอดของญี่ปุ่นและทำให้ญี่ปุ่นสามารถใช้สิทธิในการป้องกันตนเอง
ถ้อยแถลงดังกล่าวถูกตีความว่า รัฐบาลญี่ปุ่นอาจขยายบทบาทกองกำลังป้องกันตนเอง เพื่อสนับสนุนสหรัฐฯ หากจีนดำเนินมาตรการปิดล้อมทางทะเลต่อไต้หวัน หรือเพิ่มแรงกดดันในรูปแบบอื่นในภูมิภาค
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (07 ธ.ค. 68)





