
มิโนรุ คิฮาระ เลขาธิการคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่น แถลงข่าวในวันนี้ (8 ธ.ค.) ปฏิเสธข้อกล่าวหาของจีนว่าเป็นเรื่อง “ไม่มีมูล” หลังจีนอ้างว่าเครื่องบินขับไล่ของกองกำลังป้องกันตนเอง (SDF) เข้าไปรบกวนการฝึกซ้อมของกองทัพเรือจีนจนถูกล็อกเป้าด้วยเรดาร์
คิฮาระเปิดเผยในการแถลงข่าวว่า เครื่องบินขับไล่ของกองกำลังป้องกันตนเองทางอากาศ (ASDF) ได้รักษา “ระยะห่างที่ปลอดภัย” จากเครื่องบินทหารจีนนอกชายฝั่งจังหวัดโอกินาวะ ซึ่งเป็นจังหวัดทางใต้สุดของญี่ปุ่น พร้อมเสริมว่า การสื่อสารระหว่างหน่วยงานกลาโหมของญี่ปุ่นกับจีน “มีความสำคัญอย่างยิ่ง”
กระทรวงกลาโหมญี่ปุ่นรายงานว่า เมื่อวันเสาร์ (6 ธ.ค.) เครื่องบิน J-15 ของจีนจากเรือบรรทุกเครื่องบินเหลียวหนิง ล็อกเป้าเรดาร์ใส่เครื่องบิน F-15 ของ ASDF ลำหนึ่งเมื่อเวลาประมาณ 16.32 น. และอีกลำเมื่อเวลา 18.37 น. เหนือน่านน้ำสากลทางตะวันออกเฉียงใต้ของเกาะโอกินาวะ แต่เครื่องบินของญี่ปุ่นไม่ได้รับความเสียหายแต่อย่างใด
คิฮาระกล่าวว่า การล็อกเป้าเรดาร์ถือเป็น “การกระทำที่อันตรายเกินความจำเป็นต่อความปลอดภัยในการบิน” ญี่ปุ่นจะใช้มาตรการเฝ้าระวังทางอากาศและทางทะเลทุกรูปแบบ พร้อมติดตามความเคลื่อนไหวของกองทัพจีนอย่างใกล้ชิด
ด้านกองทัพเรือจีนแถลงเมื่อวันอาทิตย์ (7 ธ.ค.) ว่าเครื่องบินญี่ปุ่นเข้าใกล้และรบกวนพื้นที่ซ้อมรบทางทะเลและทางอากาศ “ซ้ำแล้วซ้ำเล่า” และ “คุกคามความปลอดภัยการบินอย่างร้ายแรง” แต่ไม่ได้กล่าวถึงเหตุการณ์ล็อกเป้าเรดาร์
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นขณะความขัดแย้งทางการทูตกำลังตึงเครียด จากกรณีที่นายกรัฐมนตรีซานาเอะ ทาคาอิจิ กล่าวถึงไต้หวันเมื่อเดือนก่อน จนเกิดความกังวลว่าสถานการณ์อาจลุกลามเป็นความตึงเครียดทางทหาร
ทั้งนี้ ทาคาอิจิกล่าวต่อรัฐสภาเมื่อวันที่ 7 พ.ย. ว่า การโจมตีทางทหารต่อไต้หวันอาจถือเป็น “สถานการณ์คุกคามความอยู่รอด” ของญี่ปุ่น ทำให้จีนวิจารณ์อย่างหนักว่า ญี่ปุ่นอาจสบช่องให้อำนาจ SDF สนับสนุนสหรัฐฯ โดยอิสระ หากจีนปิดล้อมทางทะเลไต้หวันหรือใช้มาตรการบีบบังคับรูปแบบอื่น
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (08 ธ.ค. 68)





