
พล.ต.ต.จตุรภัทร์ ภิรมย์แก้ว รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติล่าสุดได้ยกระดับความเข้มงวดตลอดแนวชายแดนเพื่อสกัดกั้นการลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย ซึ่งถือเป็นภัยคุกคามที่อาจนำไปสู่ปัญหาสังคมและอาชญากรรมต่อเนื่อง โดยเมื่อวันที่ 6 ธ.ค.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจได้สนธิกำลังร่วมกับฝ่ายทหารในพื้นที่จังหวัดตาก ปฏิบัติการด้านการข่าวเชิงลึกและเข้าสกัดจับกุมกลุ่มบุคคลต่างด้าว 45 รายขณะพยายามลักลอบข้ามพรมแดนธรรมชาติเข้ามา
จากการสอบสวนเบื้องต้น กลุ่มบุคคลนี้รับสารภาพว่าสาเหตุการหลบหนีเข้ามาเกิดจากสถานการณ์ความไม่สงบและการระดมกวาดล้างฐานปฏิบัติการแก๊งคอลเซ็นเตอร์อย่างหนักจากรัฐบาลประเทศเพื่อนบ้าน ทำให้กลุ่มคนเหล่านี้พยายามใช้ประเทศไทยเป็นพื้นที่หลบภัย หรืออาจแฝงตัวเข้ามาเพื่อตั้งฐานการกระทำผิดใหม่ ซึ่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติตระหนักถึงภัยคุกคามนี้เป็นอย่างดี
พล.ต.ต.จตุรภัทร์ กล่าวเน้นย้ำถึงกรณีนี้ว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติจะไม่นิ่งเฉยต่อภัยคุกคามใดๆที่จะกระทบต่อความมั่นคงของชาติ โดยเฉพาะการที่กลุ่มอาชญากรรมข้ามชาติจะใช้ประเทศไทยเป็นแหล่งกบดาน หลบหนีคดี หรือใช้เป็นทางผ่าน เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ผนึกกำลังกับหน่วยงานความมั่นคงทุกภาคส่วนเฝ้าระวังตลอด 24 ชั่วโมง

สำหรับผู้ที่ลักลอบเข้ามาทุกรายจะต้องเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมายที่เข้มงวด โดยจะนำ “กลไกการส่งต่อระดับชาติ” (National Referral Mechanism หรือ NRM) มาใช้เป็นเครื่องมือสำคัญในการคัดกรองบุคคล เพื่อแยกแยะว่าใครคือ “เหยื่อจากการค้ามนุษย์” ที่ต้องได้รับการคุ้มครอง และใครคือ “ผู้กระทำผิดหรืออาชญากร” ที่แฝงตัวมา ซึ่งหากพบว่าเป็นผู้กระทำผิด จะถูกดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างเด็ดขาดและผลักดันออกนอกประเทศทันทีที่สิ้นสุดคดี
นอกจากจะจับกุมแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังเร่งสืบสวนขยายผลเพื่อให้ทราบถึงผู้บงการและเครือข่ายผู้นำพาที่อยู่เบื้องหลังขบวนการนี้ ตลอดจนตัดวงจรการขนย้ายคนผิดกฎหมายให้สิ้นซาก พร้อมทั้งได้สั่งการให้เพิ่มความเข้มข้นในการคัดกรองบุคคลทั้งทางบก ทางน้ำ และทางอากาศ โดยเพ่งเล็งไปที่การเฝ้าระวังขบวนการปลอมแปลงเอกสารและการสวมสิทธิ์บัตรประชาชน ซึ่งมักเป็นอาชญากรรมที่ตามมาจากการลักลอบเข้าเมือง ทั้งนี้ ทางการไทยได้มีการประสานงานแลกเปลี่ยนข้อมูลกับหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายทั้งในและต่างประเทศอย่างใกล้ชิด เพื่อให้เท่าทันต่อแผนประทุษกรรมของอาชญากรข้ามชาติในยุคปัจจุบัน
สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ขอความร่วมมือพี่น้องประชาชนช่วยเป็นหูเป็นตาให้แก่เจ้าหน้าที่ หากพบเห็นกลุ่มบุคคลที่มีพฤติกรรมน่าสงสัย การเช่าที่พักอาศัยที่ผิดสังเกต หรือความเคลื่อนไหวที่อาจเกี่ยวข้องกับขบวนการลักลอบเข้าเมืองและแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โปรดแจ้งเบาะแสผ่านสายด่วน 1599 หรือ 191 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (08 ธ.ค. 68)





