MASTER พลิกเกมชู 3 กลยุทธ์สู้ศึกราคา-ศก.ซบหันเน้นมาร์จิ้นสูง ลุยฟ้องอดีตแพทย์-พนง.ฐาน”ค้าแข่ง”

นางสาวลภัสรดา เลิศภานุโรจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.มาสเตอร์ สไตล์ [MASTER] เปิดเผยว่า ในปี 69 แม้ภาวะอุตสาหกรรมในภาพรวมจะถูกดดันจากภาวะเศรษฐกิจ แต่บริษัทได้ปรับแผนธุรกิจเชิงรุก ปรับปรุงภายในองค์กร เชื่อว่าจะส่งผลให้กลับมาเติบโตอย่างชัดเจนตั้งแต่ไตรมาส 1/69 เป็นต้นไป โดยมีเป้าหมายรายได้ทั้งปีนี้เติบโต Single Digit พร้อมรุกกลุ่มลูกค้าต่างประเทศ ตั้งเป้าสัดส่วนเพิ่มเป็น 40% จากปัจจุบันอยู่ที่ 30%

“แม้ภาพรวมเศรษฐกิจอาจไม่สดใส แต่ธุรกิจความงามยังเติบโตได้ โดยจำนวนลูกค้าที่เข้าใช้บริการไม่ได้ลดลง แต่รายได้เฉลี่ยต่อบิลของลูกค้าลดลง จากเดิมจะเติบโตเฉลี่ย 10-15% ต่อปี กลายเป็นลดลง 4% ในปีนี้ จากการแข่งขันด้านราคา ซึ่งบริษัทมีการปรับฐานราคาให้เหมาะสมและมุ่งเน้นการทำตลาดกับกลุ่มลูกค้าต่างชาติมากขึ้น โดยเฉพาะอินโดนีเซีย ที่ยังมีโอกาสขยายตลาดอีกมาก”นางสาวลภัสรดา กล่าว

MASTER ปรับแผนธุรกิจเชิงรุกเน้น 3 แกนกลยุทธ์สำคัญ ได้แก่

1. การบริหารต้นทุนและโครงสร้างราคาที่เหมาะสม เพื่อรักษาอัตรากำไรขั้นต้นให้อยู่ในระดับที่แข็งแรง แม้ภายใต้ภาวะการแข่งขัน

2.การขยายฐานลูกค้าต่างชาติอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศที่มีศักยภาพสูง และ ต้องการศัลยกรรมเฉพาะทาง เช่น อินโดนีเซีย เมียนมา และลาว พร้อมตั้งเป้ารายได้ต่างชาติแตะระดับ 30% ของรายได้รวมภายใน 2 ปี

3.การพัฒนา Product Mix และเพิ่มสัดส่วนบริการเฉพาะทางที่มีมาร์จิ้นสูง รวมถึงการ ร่วมมือกับพันธมิตรในธุรกิจโรงพยาบาลศัลยกรรม และธุรกิจเสริมอาหารเพื่อความงาม

4.การป้องกันระบบภายในให้แข็งแกร่ง โดยเฉพาะการป้องกันการประกอบธุรกิจ ค้าแข่ง

สำหรับสถานการณ์น้ำท่วมภาคใต้ที่ระทบกับโรงพยาบาล TYP-หาดใหญ่ คาดว่าจะกลับมาเปิดให้บริการได้ 20 ธ.ค.เร็วกว่าผู้ประกอบการในพื้นที่อื่น ๆ เนื่องจากสามารถอพยพทัน อย่างไรก็ตาม จะยังไม่เปิดให้บริการทั้งหมดตามปกติ โดยโรงพยาบาล TYP – หาดใหญ่ คาดว่าจะรับรู้รายได้ราว 15-20% ต่อเดือนเทียบกับช่วงเวลาที่เปิดให้บริการที่ผ่านมา

นางสาวลภัสรดา กล่าวว่า ช่วงที่ผ่านมาบริษัทได้รับผลกระทบจากการแข่งขันที่รุนแรง โดยเฉพาะประเด็นการถูกดึงตัวบุคลากรไปยังบริษัทคู่แข่ง ซึ่งส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานและกลยุทธ์ของบริษัท โดยเฉพาะกรณีที่อดีตพนักงาน ซึ่งเป็นแพทย์ระดับผู้บริหารย้ายไปร่วมงานกับบริษัทคู่แข่งอย่างเปิดเผย รวมทั้งเปิดเผยข้อมูลภายในให้กับบริษัทคู่แข่ง ซึ่งเป็นการละเมิดสัญญาการทำงานอย่างชัดเจน บริษัทจึงได้รวบรวมหลักฐานเพื่อยื่นฟ้องเรียกร้องค่าเสียหายกับแพทย์คนดังกล่าวอยู่ที่ 75 ล้านบาท

นอกเหนือจากนั้น ยังกรณีที่พนักงานระดับสูงอีก 12 รายได้ทยอยลาออกและย้ายไปทำงานกับบริษัทคู่แข่งลักษณะเดียวกัน ซึ่งถือเป็นการละเมิดสัญญาห้ามประกอบธุรกิจประเภทเดียวกันเป็นเวลา 2 ปีหลังลาออก บริษัทได้รวบรวมหลักฐานเพื่อยื่นฟ้อง และจะมีการประกาศ Townhall กับพนักงานในบริษัทกรณีเคสการฟ้องร้องต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น ทั้งนี้การฟ้องร้องคดีค้าแข่งคาดใช้ระยเวลาไม่นาน

นายแพทย์ระวีวัฒน์ มาศฉมาดล ประธานกรรมการบริหาร MASTER ประเมินทิศทางธุรกิจไตรมาส 4/68 มีแนวโน้มทรงตัว โดยได้รับแรงสนับสนุนจากความต้องการด้านศัลยกรรม และบริการด้านความงาม ในประเทศที่ทยอยปรับดีขึ้น สำหรับกลุ่ม ลูกค้าต่างชาติยังคงเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญของธุรกิจในช่วงครึ่งปีหลัง โดยเฉพาะในบริการศัลยกรรมเฉพาะทาง ซึ่งมีอัตราค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อเคสสูงกว่าลูกค้าในประเทศอย่างมีนัยสำคัญ ส่งผลดีต่ออัตรากำไรขั้นต้นของบริษัทฯ แม้ว่าลูกค้ากัมพูชาจะชะลอลงจากสถานการณ์ชายแดน แต่ภาพรวมรายได้จากตลาดต่างประเทศยังเติบโตแข็งแกร่ง

“เราคาดว่าไตรมาส 4/68 จะเห็นการฟื้นตัวจากไตรมาส 3/68 โดยเฉพาะกลุ่มเคสต่างชาติ และ ลูกค้าไทยที่ทยอยกลับมาใช้บริการ จากกำลังซื้อที่เริ่มฟื้นตัว ขณะที่บริษัทฯ ยังคงเน้นการบริหารต้นทุนและแพทย์ให้มีประสิทธิภาพ พร้อมทั้งเดินหน้าสร้างการเติบโตจากกลุ่มบริการที่มี margin สูง” นายแพทย์ระวีวัฒน์ กล่าว

นอกจากนี้ บริษัทได้แต่งตั้งนางสาวประภาวรินท์ ลองงาม เป็นรองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เพื่อเข้ามาเสริมทัพในองค์กร ทั้งในส่วนของระบบหน้าบ้านและหลังบ้าน รวมถึงการวางระบบบริหาร จัดการและการพัฒนาศักยภาพทีมการตลาด รวมถึงการบริหารจัดการตารางแพทย์ให้มีประสิทธิภาพสูงสุดสำหรับการแต่งตั้งครั้งนี้ เพื่อส่งเสริมและขยายกำลังทัพให้มีความพร้อมในการเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืนในระยะยาว

นางสาวลภัสรดา กล่าวถึงแนวโน้มธุรกิจครึ่งปีแรกของ 2569 และกลยุทธ์รับมือการแข่งขันว่าบริษัทฯ ประเมินว่าอุตสาหกรรมศัลยกรรมและเสริมความงามของไทยยังเติบโตแต่อยู่ในอัตราที่ชะลอลง ตามประมาณการของศูนย์วิจัยกสิกรไทยที่คาดว่าตลาดจะเติบโตเพียง 1.0% เทียบกับ 1.6% ในปี 68 แม้จำนวนผู้ใช้บริการและอัตราค่าบริการจะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น แต่ภาวะเศรษฐกิจและการแข่งขันที่เข้มข้นยังคงเป็นแรงกดดันหลักต่อกำลังซื้อ และการขยายฐานลูกค้าใหม่

นางสาวลภัสรดา กล่าวทิ้งท้ายว่า แม้อุตสาหกรรมในภาพรวมอาจเผชิญแรงกดดันจากภาวะเศรษฐกิจหรือพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป แต่ตลาดความงามในภูมิภาคยังคงถูกมองว่ามีศักยภาพสูง และบริษัทมีจุดแข็งด้านคุณภาพการให้บริการ ทำให้คาดว่าแนวโน้มครึ่งปีแรกของปี 69 จะมีทิศทางที่เติบโตได้ดี

 

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (09 ธ.ค. 68)