
นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน ให้สัมภาษณ์ถึงเมื่อวาน(9 ธ.ค.) นายกรัฐมนตรี ระบุว่า อาจจะมีการยุบสภาเร็วกว่ากำหนด มองว่าเป็นการปูทางเพื่อสร้างคะแนนนิยมให้พรรคภูมิใจไทย หรือไม่ นายณัฐพงศ์ กล่าวว่า เรื่องนี้ก็ต้องถามที่ตัวนายกรัฐมนตรี ส่วนตัวเชื่อว่ายิ่งยุบสภาเร็ว และตราบใดที่ทุกอย่างอยากเดินไปตามกรอบเอ็มโอเอ กระบวนการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ยังเดินหน้าได้ และสามารถจัดทำประชามติพร้อมกับการเลือกตั้งครั้งหน้าได้ แล้วการจะยุบสภาเร็วขึ้นกว่ากรอบเอ็มโอเอที่ตกลงกันไว้ ก็ไม่ใช่สิ่งที่เสียหายอะไร
กรณีหากนายกรัฐมนตรีไม่มีการยุบสภา เนื่องจากปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา ทำให้ต้องยื้อเวลาออกไป พร้อมๆ กับยังมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญไปด้วยว่า เรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เรื่องการบริหารสถานการณ์ชายแดน รวมถึงการแก้ไขปัญหาอื่นๆ ที่มีความสำคัญกับประชาชน อย่างปัญหาน้ำท่วมภาคใต้ ทุกเรื่องเราทำหน้าที่ในฐานะฝ่ายค้านเต็มที่ดังนั้น จึงไม่อยากให้ไปผูกกันทุกเรื่อง และตนมองว่าสิ่งที่สำคัญกับรัฐบาลตอนนี้ คือการบริหารสถานการณ์ทุกอย่างอย่างถึงที่สุด และทำทุกอย่างตามกรอบของเอ็มโอเอไปด้วย ในฐานะพรรคฝ่ายค้านก็เดินหน้าตรวจสอบเต็มในการแก้ไขปัญหาต่างๆ รวมถึงลงมือแก้ปัญหาให้กับประชาชนอย่างเต็มที่เช่นกัน ส่วนการแก้ไขรัฐธรรมนูญซึ่งเป็นหน้าที่ของสภาในวันนี้ เราก็ทำทุกอย่างอย่างเต็มที่เช่นกัน
นายณัฐพงษ์ เห็นว่าเรื่องของการตรวจสอบเรื่องต่อเรื่อง ประเด็นต่อประเด็น อย่างเรื่องสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ก็ได้บอกไปแล้วว่าน่าเป็นห่วงที่สุดคือท่าทีของนายกฯ ที่จะทำให้สายตานานาชาติมองว่าประเทศไทยว่าเป็นประเทศที่รุกราน กระหายสงคราม
เมื่อถามว่าจะมีการยื่นซักฟอกหรือไม่ หรือฉากทัศน์ที่พรรคประชาชนวางเอาไว้เป็นอย่างไร นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ต้องดูผลการพิจารณารัฐธรรมนูญใน 2 วันนี้ วาระสองผ่านหรือไม่ ถ้าผ่านไปแล้ววาระ 3 เป็นอย่างไร ซึ่งเราพูดชัดเจนหลายครั้งว่า ถ้ากระบวนการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ต้องสะดุดลง ไม่เป็นไปตามเอ็มโอเอที่ตกลงกัน เราก็พร้อมที่จะยื่นตามมาตรา 151 ทันที ส่วนเรื่อง สว. 1 ใน 3 จะมีการสงวนการแปรญัติหรือไม่นั้น เรื่องนี้ต้องรอดูที่การโหวต อย่างไรก็ตาม กรรมาธิการเสียงข้างมากที่ออกมาก็ไม่ได้มีส่วนของเสียง สว. 1 ใน 3 แล้ว ทั้งนี้ การสงวนคำแปรญัตติก็เป็นสิทธิที่วุฒิสภาบางส่วน แต่อย่างไรก็ตามต้องดูที่การสู้ในสภาใหญ่
ถามว่าจะมีการถอยเรื่องนี้หรือไม่ เพื่อให้ผ่านวาระ 3 นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ดูที่การลงมติดีกว่าว่าถอยหรือไม่ถอย ตนเชื่อว่าพวกเราพร้อมที่จะเดินหน้าทำหน้าที่ในสภาอย่างเต็มที่ เพื่อทำให้กระบวนการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่มีความยึดโยงกับประชาชนมากที่สุด
ถามว่าจนถึงวันนี้มองว่า คิดถูกหรือไม่ที่มีการโหวตนายอนุทิน เป็นนายกฯ นายณัฐพงศ์ กล่าวว่า ดูในภาพรวมตอนนี้กระบวนการทุกอย่างยังเดินหน้าอยู่ เพราะฉะนั้นตราบใดที่ยังเป็นไปตามกรอบเอ็มโอเอ เชื่อว่าสิ่งที่พวกเราได้ตัดสินใจก็เป็นการตัดสินใจบนฐานประโยชน์สูงสุดของประเทศเป็นสำคัญ ไม่ได้ดูที่คะแนนนิยมของพรรคเป็นตัวตั้ง เราเห็นว่า 2 ปีที่ผ่านมา เปลี่ยนนายกรัฐมนตรีถึง 3 คน ตราบใดที่ยังไม่ได้มีการแก้ไขกติกาสูงสุดของประเทศ ไม่ได้แก้ไขระบบการเมืองให้ดีขึ้น อนาคตจะเลือกตั้งอีกสักกี่ครั้ง เราก็ไม่สามารถผลักดันประเทศไทยที่ก้าวหน้าไปกว่านี้ได้ จึงเป็นที่มาของการตัดสินใจที่เดินหน้าจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่พร้อมกับกับการเลือกตั้ง
ถามต่อว่าได้คุยกับพรรคร่วมฝ่ายค้านอย่างเพื่อไทยหรือไม่ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ที่ผ่านมามีการพูดคุยทั้งหน้าบ้าน หลังบ้าน และคุยกันหลายเวทีเป็นเรื่องปกติ แต่ยืนยันอีกว่าไม่เคยมีข้อตกลงใดๆ เพื่อที่จะบอกเขาว่าไม่ยื่นหรือยื่นดีกว่า ซึ่งเราพูดคุยกันมาโดยตลอดโดยให้เหตุผลต่อกันและกัน อย่างไรก็ตาม การจะยื่นซักฟอกก็เป็นสิทธิของแต่ละฝ่ายว่าจะยื่นไม่ยื่นอยู่ที่การตัดสินใจของเขา แต่ในส่วนของพรรคประชาชน คุยกันว่าเมื่อไหร่ก็ตามที่มีการอภิปรายไม่ไว้วางใจ เราก็พร้อมทำงานอย่างเต็มที่
นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ถ้าถึงเวทีที่ต้องมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจขึ้นมา นอกจากการอภิปรายแล้ว ก็ต้องอยู่ที่การลงมติด้วย แต่เวลานั้นยังมาไม่ถึง คล้ายกับคำถามว่า สว. 1 ใน 3 จะถอยไม่ถอย ดังนั้นคิดว่าอย่าเพิ่งตั้งข้อสังเกตเกินเลยไปจากนี้ รอดูในสภาก่อน แล้วจะเห็นการทำหน้าที่ของเรา ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่าแล้วประเทศรอได้ขนาดนั้นหรือไม่ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า เราไม่เคยรอ เราตั้งคำถามผ่านกรรมาธิการ มีการเชิญรัฐมนตรีมาชี้แจงในกรรมาธิการ แต่หลายๆ ครั้งอาจจะไม่ได้รับความร่วมมือเท่าที่ควร เรามีการสื่อสารผ่านประชาชน ไม่ใช่แค่ตั้งคำถามวิพากษ์วิจารณ์อย่างเดียว แต่การแก้ปัญหาเช่นน้ำท่วมภาคใต้ ก็ลงไปทำด้วยตัวเองด้วย ฉะนั้นตอนนี้ในทุกๆ ทาง เราก็พยายามประคับประคองสถานการณ์ให้ดีกับประเทศมากที่สุด พร้อมกับทำหน้าที่ในการตรวจสอบอย่างเต็มที่
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (10 ธ.ค. 68)




