
นายณัฐวุฒิ บัวประทุม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ(กมธ.) พิจารณาร่างรัฐธรรมนูญ รายงานผลการพิจารณาว่า กมธ.ได้พิจารณาโดยเป็นไปตามหลักการของร่างแก้รัฐธรรมนูญ และคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ โดยมีบทสรุปส่วนแก้ไขในส่วนของกลไกการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ให้มี กมธ.ร่างรัฐธรรมนูญ จำนวน 35 คน รัฐสภาคัดเลือกจากบัญชีรายชื่อของบุคคลที่สมควรได้รับการคัดเลือก ตามสูตร 20 หยิบ 1 มีหน้าที่และอำนาจและจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ให้แล้วเสร็จภายใน 360 วัน
นายณัฐวุฒิ รายงานต่อว่า กมธ.ฯ ได้ปรับเปลี่ยนจากสภาที่ปรึกษาการร่างรัฐธรรมนูญ เป็น กมธ.รับฟังความคิดเห็นและส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชนในการร่างรัฐธรรรมนูญ จำนวน 35 คน รัฐสภาเลือกจากบัญชีรายชื่อของบุคคลผู้สมควรได้รับเลือก มีหน้าที่และอำนาจ รับฟัง รวบรวมความคิดเห็นจากประชาชนอย่างทั่วถึง รอบด้าน เป็นระบบ ขอให้ส.ว. ส.ส. ครม. หรือหน่วยงานต่างๆ ลงพื้นที่ฟังความเห็นเพื่อนำมาสู่การจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ และเผยแพร่สาระ ความคืบหน้าของการทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ผ่านช่องทางต่างๆ
นายณัฐวุฒิ รายงานอีกว่า กรณีการพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญหลังจากที่กมธ.ร่างรัฐธรรมนูญ และกมธ.รับฟังความคิดเห็นดำเนินการแล้วเสร็จภายใน 360 วัน เมื่อทำแล้วเสร็จตามกรอบเวลา ต้องส่งให้รัฐสภาดำเนินการ โดยใช้หลักดำเนิน 2 ครั้ง 1 วาระ โดยครั้งแรก คือ ให้สมาชิกรัฐสภาอภิปรายให้ความเห็น หรือข้อเสนอแนะต่างๆ โดยไม่ลงมติ เพื่อให้ กมธ.ร่างรัฐธรรมนูญ และกมธ.รับฟังความเห็น รับกลับไปพิจารณาดำเนินการปรับแก้ไขอีกครั้ง และส่งกลับมาให้รัฐสภาลงมติ ว่าจะให้ความเห็นชอบหรือไม่
นายณัฐวุฒิ รายงานต่อว่า กมธ.ฯ พิจารณาปรับกรอบเนื้อหาและสาระสำคัญที่จะปรากฎในรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่ได้ปรับแก้ไขให้สมบูรณ์มากขึ้น นอกจากความสมบูรณ์ของการปกครอง การรับรองเป็นราชอาณาจักรอันหนึ่งอันเดียวกัน สิทธิเสรีภาพ กลไกความสัมพันธ์ทางการเมือง การตรจสอบถ่วงดุล หลักนิติธรรม หลักยุติธรรมอันชอบธรรม การแก้ไขรัฐธรรมนูญที่วางเงื่อนไขบางส่วนไว้ โดยได้เพิ่มหลักการ การกระจายอำนาจสู่การปกครองท้องถิ่น นอกจากนั้นได้เพิ่มมาตราใหม่ โดยให้นำบทบัญญัติหมวด 1 ทั่วไปและหมวด 2 พระมหากษัตริย์ ของรัฐธรรมนูญ 2560 มาบัญญัติไว้ไม่ให้แก้ไข และกมธ.ได้เพิ่มบทเฉพาะกาล โดยรับรองการออกเสียงประชามติก่อนที่รัฐธรรมนูญฉบับแก้ไขเพิ่มเติมมีผลบังคับใช้ ให้ถือเป็นการออกเสียงประชามติตามรัฐธรรมนูญ
นายณัฐวุฒิ รายงานต่อว่า สำหรับข้อเสนอที่เกี่ยวข้องกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตรายังไม่จำเป็น เพราะมุ่งไปสู่การทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ดังนั้นการมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เกิดขึ้นได้หรือไม่ ต้องพิจารณาแก้ไขให้เกิดขึ้นก่อน ซึ่งเชื่อว่ารัฐสภาจะร่วมกันพิจารณาผ่านเนื้อหา รวมถึงการออกเสียงประชามติของประชาชน ส่วนสาระของรัฐธรรมนูญใหม่จะเป็นแบบใด หรือต้องมีพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.) ประกอบรัฐธรรมนูญหรือจำเป็นต้องมีบทเฉพาะกาลอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับสถานภาพของสมาชิกรัฐสภาหรือเรื่องอื่นๆ จะบัญญัติไว้หรือไม่ เป็นเรื่องของอนาคตที่กมธ.ร่างรัฐธรรมนูญ และกมธ.รับฟังความเห็น รัฐสภา และประชาชนตัดสิน จึงไม่พิจารณาประเด็นเหล่านั้น
“หากมีรัฐธรรมนูญใหม่เกิดขึ้นจริง กมธ. ยืนยันว่าอาจใช้เวลาเกือบ 2 ปีเศษ ซึ่งเหมาะสมและพอควรต่อการเปลี่ยนผ่านของประเทศอีกครั้ง ร่างรัฐธรรมนูญที่แก้ไขเพิ่มเติมทั้งหมดมีมาตราหลัก 8 มาตรา มีเพียง 1 หมวด มี 39 มาตราย่อย กมธ.ฯ แก้ไข 33 มาตรา ไม่แก้ไข 3 มาตรา ได้ตัดออก 10 มาตรา และเพิ่มขึ้นใหม่ 3 มาตรา เท่ากับว่าหากเดินหน้าพิจารณา ต้องลงมติรวมกันประมาณ 50 ครั้ง”นายณัฐวุฒิ กล่าว
นายณัฐวุฒิ กล่าวต่อว่า กมธ.หวังว่าวันที่ 10 ธ.ค.ที่ตรงกับที่มีบทบัญญัติรัฐธรรมนูญถาวรเกิดขึ้นครั้งแรก จะนำไปสู่การเปิดประตูเพื่อปลดล็อคการแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เพื่อยืนยันอำนาจสถานปนารัฐธรรมนูญของประชาชนและเจตจำนงที่ยึดโยงกับประชาชนอีกครั้ง เพื่อจัดกระบวนการเมืองเพื่อตอบสนองผลประโยชน์ เรื่องใดๆ ทั้งสถานการณ์ชายแดน ปากท้อง ภัยพิบัติ เสถียรภาพของรัฐบาล ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ หลักประกัน สิทธิเสรีประชาน ซึ่งเป็นเป้าหมายสูงสุดของกมธ. และสมาชิกรัฐสภา
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (10 ธ.ค. 68)





