ดาวโจนส์ปิดพุ่ง 497.46 จุด ขานรับเฟดหั่นดอกเบี้ย

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเกือบ 500 จุดในวันพุธ (10 ธ.ค.) หลังจากธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ประกาศลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ตามคาด นอกจากนี้ การแสดงความเห็นของเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด ยังทำให้นักลงทุนมีความหวังว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกในปีหน้า

  • ทั้งนี้ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 48,057.75 จุด เพิ่มขึ้น 497.46 จุด หรือ +1.05%
  • ดัชนี S&P500 ปิดที่ 6,886.68 จุด เพิ่มขึ้น 46.17 จุด หรือ +0.67% และ
  • ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 23,654.16 จุด เพิ่มขึ้น 77.67 จุด หรือ +0.33%

คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของเฟดมีมติ 9 ต่อ 3 ในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.25% สู่ระดับ 3.50-3.75% ในการประชุมเมื่อวันพุธตามคาด ซึ่งเป็นการปรับลดดอกเบี้ย 3 ครั้งติดต่อกัน โดยเฟดระบุในแถลงการณ์ว่า ก่อนที่จะมีการปรับนโยบายการเงินครั้งต่อไปนั้น เฟดจะจับตาภาวะเศรษฐกิจเพื่อหาสัญญาณที่ชัดเจนมากขึ้นเกี่ยวกับตลาดแรงงานและเงินเฟ้อ โดยเฟดระบุว่าเงินเฟ้อยังคงสูงขึ้นเล็กน้อย

ในรายงานคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยนโยบาย (Dot Plot) เจ้าหน้าที่เฟดส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% จำนวน 1 ครั้งในปี 2569 ซึ่งสอดคล้องกับการส่งสัญญาณในการประชุมเดือนก.ย. นอกจากนี้ เฟดยังได้ปรับเพิ่มคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในปี 2569 เป็น 2.3% จากระดับ 1.8% และคงตัวเลขคาดการณ์อัตราว่างงานในปี 2569 ไว้ที่ระดับ 4.4%

เจอโรม พาวเวล ประธานเฟดกล่าวในการแถลงข่าวว่า นโยบายการเงินของเฟดอยู่ในสถานะที่เหมาะสมในการตอบสนองต่อสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นกับเศรษฐกิจในวันข้างหน้า นอกจากนี้ พาวเวลกล่าวว่าตลาดแรงงานมีความเสี่ยงที่จะเผชิญภาวะขาลงอย่างมีนัยสำคัญ และเฟดไม่ต้องการให้นโยบายการเงินฉุดรั้งการสร้างงาน

นักวิเคราะห์จากบริษัท 248 Ventures ในรัฐนอร์ธแคโรไลนากล่าวว่า ตลาดได้ปัจจัยหนุนจากการที่นักลงทุนมีมุมมองบวกว่า แม้พาวเวลปฏิเสธที่จะส่งสัญญาณว่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีกหรือไม่ในอนาคตอันใกล้นี้ แต่การที่พาวเวลแสดงความกังวลเกี่ยวกับภาวะตลาดแรงงานเช่นนั้นถือเป็น “ข่าวดีในข่าวร้าย” และจะเป็นปัจจัยสนับสนุนให้เฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกในปีหน้า

ทั้งนี้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปีปรับตัวลงหลังจากพาวเวลแสดงความเห็นดังกล่าว ซึ่งเป็นอีกปัจจัยที่ช่วยหนุนตลาด

หุ้น 9 ใน 11 กลุ่มในดัชนี S&P500 ปิดในแดนบวก นำโดยหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมพุ่งขึ้น 1.84% ตามด้วยหุ้นกลุ่มวัสดุพุ่งขึ้น 1.77% ส่วนหุ้นกลุ่มสาธารณูปโภคปรับตัวลง 0.1%

หุ้น GE Vernova ซึ่งเป็นผู้ผลิตอุปกรณ์ด้านพลังงาน ทะยานขึ้น 15.6% และเป็นปัจจัยหนุนหุ้นกล่มอุตสาหกรรมในดัชนี S&P500 หลังจากบริษัทปรับเพิ่มคาดการณ์รายได้ในปี 2569 ซึ่งส่งสัญญาณถึงความแข็งแกร่งของอุปสงค์โครงสร้างพื้นฐานที่ขับเคลื่อนด้วยปัญญาประดิษฐ์ (AI)

ส่วนดัชนี Russell 2000 ซึ่งเป็นดัชนีหุ้นกลุ่มบริษัทที่มีมาร์เก็ตแคปต่ำ ทำผลงานได้ดีกว่าหุ้นที่มีมาร์เก็ตแคปสูง โดยพุ่งขึ้น 1.3% แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (11 ธ.ค. 68)