
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ยืนยันว่า กองทัพสหรัฐฯ ได้ยึดเรือบรรทุกน้ำมันลำหนึ่งที่บริเวณนอกชายฝั่งเวเนซุเอลา ขณะที่ ประธานาธิบดีนิโคลัส มาดูโร ผู้นำเวเนซุเอลา ได้ประณามการกระทำของสหรัฐฯ ว่าเป็นการพยายามโค่นล้มรัฐบาลเวเนซุเอลา และขยายอิทธิพลทางทหารในละตินอเมริกา
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ทรัมป์กล่าวที่ทำเนียบขาวในวันพุธ (10 ธ.ค.) ว่า “อย่างที่ท่านพวกท่านทราบแล้ว เราเพิ่งยึดเรือบรรทุกน้ำมันนอกชายฝั่งเวเนซุเอลาได้ ซึ่งเป็นเรือลำใหญ่มาก และใหญ่ที่สุดเท่าที่เราเคยยึดมา”
คำยืนยันดังกล่าวมีขึ้น หลังจากสื่อต่างประเทศรายงานโดยอ้างอิงแหล่งข่าวจากเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐฯ ว่า กองกำลังสหรัฐฯ ได้ดำเนินการยึดเรือที่ไม่ระบุสัญชาติได้ลำหนึ่ง ซึ่งล่าสุดได้จอดเทียบท่าอยู่ในเวเนซุเอลา
เมื่อไม่นานมานี้ ทรัมป์ประกาศว่ากองทัพสหรัฐฯ จะเปิดปฏิบัติการโจมตีทางบกในเร็ว ๆ นี้ โดยมีเป้าหมายจัดการกับผู้ค้ายาเสพติดในทะเลแคริบเบียน ซึ่งความเคลื่อนไหวดังกล่าวของทรัมป์ทำให้สถานการณ์ตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ และเวเนซุเอลาทวีความรุนแรงมากขึ้น
ที่ผ่านมานั้น กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ได้โจมตีเรือที่ต้องสงสัยว่าเป็นเรือขนยาเสพติดในทะเลแคริบเบียนและมหาสมุทรแปซิฟิกตะวันออกไปแล้วอย่างน้อย 22 ครั้ง นับตั้งแต่เดือนก.ย. ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตบนเรืออย่างน้อย 87 คน
นอกจากนี้ มีรายงานว่าสหรัฐฯ ได้ส่งเรือรบประมาณ 12 ลำ รวมถึงเรือบรรทุกเครื่องบินขนาดใหญ่ “ยูเอสเอส เจอรัลด์ อาร์. ฟอร์ด” (USS Gerald R. Ford) และทหารประมาณ 15,000 นายไปยังทะเลแคริบเบียน ซึ่งถือเป็นการส่งทหารเข้าประจำการมากที่สุดในรอบเกือบ 30 ปี
ข่าวสหรัฐฯ ยึดเรือบรรทุกน้ำมันนอกชายฝั่งเวเนซุเอลา ช่วยให้ราคาน้ำมันฟื้นตัวขึ้นสู่แดนบวก โดยราคาน้ำมัน WTI ปิดตลาดปรับตัวขึ้น 21 เซนต์ หรือ 0.36% แตะที่ 58.46 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากร่วงลงเกือบ 1% ในระหว่างวัน ภายหลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐลดลงเพียง 1.8 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 5 ธ.ค. ซึ่งน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะลดลง 2.3 ล้านบาร์เรล
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (11 ธ.ค. 68)





