
ผลการอันดับเศรษฐีหุ้นไทย ปี 2568 โดยวารสารการเงินธนาคาร ร่วมกับ คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พบว่า “แชมป์เศรษฐีหุ้นไทย” ยังคงเป็นของ “นายสารัชถ์ รัตนาวะดี” กรรมการ รองประธานกรรมการ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ (GULF) ซึ่งนับเป็นการครองแชมป์ติดต่อกันเป็นปีที่ 7
โดย นายสารัชถ์ ถือครองหุ้นมูลค่ารวมทั้งสิ้น 189,992.47 ล้านบาท ลดลง 50,349.43 ล้านบาท หรือ 20.95% ประกอบด้วย หุ้น GULF ในสัดส่วน 29.19% สูงเป็นอันดับ 1 คิดเป็นมูลค่า 189,684.32 ล้านบาท และ บมจ.ไอ-เทล คอร์ปอเรชั่น (ITC) ผู้ผลิตอาหารสัตว์เลี้ยง ที่เป็นบริษัทลูกของไทยยูเนี่ยน 0.65% มูลค่า 308.15 ล้านบาท
ความมั่งคั่งของนายสารัชถ์ ในปีนี้ลดลงไปถึง 50,349.43 ล้านบาท เนื่องจากราคาหุ้น GULF ณ วันที่ 30 ก.ย.68 ซึ่งเป็นวันคำนวณมูลค่าเศรษฐีหุ้นไทยปี 2568 อยู่ที่ 43.50 บาท จากราคา 57.00 บาท ในปี 2567 โดยลดลงไป 13.50 บาท หรือ 23.68% อย่างไรก็ตาม แม้ว่ามูลค่าหุ้นที่นายสารัชถ์ ถือครองจะลดลงไปในปีนี้ แต่ตลอด 7 ปีของการครองแชมป์เศรษฐีหุ้นไทยตั้งแต่ปี 2562-2568 มูลค่าหุ้นที่นายสารัชถ์ ถือครองยังคงอยู่ในระดับไม่ต่ำกว่า 1 แสนล้านบาททุกปี
เศรษฐีหุ้นอันดับ 2 ได้แก่ “นายนิติ โอสถานุเคราะห์” นักลงทุนรายใหญ่ ทายาทอาณาจักรโอสถสภา ยังคงอันดับเดียวกันกับปีที่แล้ว โดยถือครองหุ้นมูลค่ารวม 47,313.08 ล้านบาท ลดลง 12,159.34 ล้านบาท หรือ 20.45%
สำหรับหุ้นในพอร์ตการลงทุนของนิติยังคงอยู่ใน 10 บริษัทเช่นเดียวกับปีที่แล้ว ได้แก่ บมจ.โอสถสภา (OSP) บมจ.ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล (MINT) บมจ.โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ (HMPRO) บมจ.ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น (WHA) บมจ.โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา (CENTEL) บมจ.บีเคไอ โฮลดิ้งส์ (BKIH) บมจ.เซ็นทรัลพัฒนา (CPN) บมจ.ซีพี ออลล์ (CPALL) บมจ.อีโนเว รับเบอร์ (ประเทศไทย) (IRC) และ บมจ.ไทยเพรซิเดนท์ฟูดส์ (TFMAMA)
เศรษฐีหุ้นอันดับ 3 ได้แก่ “นพ.ปราเสริฐ ปราสาททองโอสถ” หรือ หมอเสริฐ เจ้าของกลุ่มโรงพยาบาลกรุงเทพ และสายการบินบางกอกแอร์เวย์ส โดยยังคงครองอันดับ 3 ไว้ได้อีกปี ถือครองหุ้นมูลค่ารวม 33,062.33 ล้านบาท ลดลง 17,602.89 ล้านบาท หรือ 34.74% ประกอบด้วย หุ้น บมจ.กรุงเทพดุสิตเวชการ (BDMS) 9.18% และ บมจ.การบินกรุงเทพ (BA) 11.38%
เศรษฐีหุ้นอันดับ 4 และ เศรษฐีหุ้นอันดับ 5 ได้แก่ 2 เจ้าของ บมจ.เมืองไทยแคปปิตอล (MTC) ซึ่งปีนี้ยังคงอันดับเดิม โดย ดาวนภา เพ็ชรอำไพ อยู่ในอันดับ 4 ถือหุ้น MTC 33.96% มูลค่า 29,160 ล้านบาท ลดลง 6,480 ล้านบาท หรือ 18.18% ส่วนนายชูชาติ เพ็ชรอำไพ อยู่ในอันดับ 5 รวมมูลค่าหุ้นที่ถือครอง 28,878.71 ล้านบาท ลดลง 6,561.89 ล้านบาท หรือ 18.52% โดยถือหุ้น MTC 33.49% และ บมจ.เอ็กซ์สปริง แคปปิตอล (XPG) 2.32%
เศรษฐีหุ้นอันดับ 6 ได้แก่ นายปรมาภรณ์ ปราสาททองโอสถ ประธานกรรมการบริหาร และกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ.กรุงเทพดุสิตเวชการ ทายาทหมอเสริฐ โดยยังคงอยู่ในอันดับเดิมเหมือนปีที่แล้ว ถือหุ้น บมจ.กรุงเทพดุสิตเวชการ (BDMS) 5.81% และ บมจ.การบินกรุงเทพ (BA) BA 6.49% รวมมูลค่าหุ้นที่ถือครองทั้งสิ้น 20,732.61 ล้านบาท ลดลง 10,210.61 ล้านบาท หรือ 33%
เศรษฐีหุ้นอันดับ 7 ได้แก่ นายประทีป ตั้งมติธรรม ประธานคณะกรรมการและประธานกรรมการบริหาร บมจ.ศุภาลัย (SPALAI) ปีนี้ขยับขึ้นมาติดทำเนียบ Top 10 เศรษฐีหุ้นไทยเป็นครั้งแรก โดยขยับขึ้นจากอันดับ 11 เมื่อปีที่แล้ว ถือครองหุ้นมูลค่ารวม 18,088.53 ล้านบาท ลดลง 134.67 ล้านบาท ถือเป็นเศรษฐีหุ้นที่มูลค่าความมั่งคั่งลดลงน้อยที่สุดเพียง 0.74% เมื่อเปรียบเทียบกับ Top 10 เศรษฐีหุ้นไทยด้วยกัน
สำหรับหุ้นที่นายประทีบ ถือครองมีทั้งหมด 11 บริษัทเช่นเดียวกับปีที่แล้ว แต่ปีนี้มีสัดส่วนการถือครองเพิ่มขึ้นทุกบริษัท ประกอบด้วยหุ้น บมจ.ศุภาลัย (SPALI) 34.53% บมจ.บางกอกแร้นช์ (BR) 12.69% บมจ.แพรนด้า จิวเวลรี่ (PDJ) 12.95% บมจ.บางกอกแลนด์ (BLAND) 4.23% บมจ.โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ (TTA) 3.16% บมจ.บ้านปู (BANPU) 2.34% บมจ.เอสซีจี เดคคอร์ (SCGD) 2.04% บมจ.ทีพีไอ โพลีน เพาเวอร์ (TPIPP) 1.97% บมจ.ทีพีไอ โพลีน (TPIPL) 1.95% บมจ.ราช กรุ๊ป (RATCH) 1.47% และ บมจ.ปูนซิเมนต์ไทย (SCC) 0.78%
เศรษฐีหุ้นอันดับ 8 ได้แก่ นายสุระ คณิตทวีกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.คอมเซเว่น (COM7) เจ้าของเครือธุรกิจค้าปลีกสินค้าไอที กลับเข้าสู่ทำเนียบ TOP 10 เศรษฐีหุ้นไทยอีกครั้ง หลังจากเข้ามาเป็นปีแรกเมื่อปี 2566 โดยขยับขึ้นจากอันดับ 13 เมื่อปีที่แล้ว ถือหุ้นรวมมูลค่า 17,208.38 ล้านบาท ลดลง 310.97 ล้านบาท หรือ 1.78%
พอร์ตลงทุนของนายสุระในปีนี้ มีจำนวนหุ้นทั้งหมด 21 บริษัทเท่ากับปีที่แล้ว แต่มีการเปลี่ยนแปลงตัวหุ้นเล็กน้อย ซึ่งหุ้นที่ยังคงถือครองเหมือนปีที่แล้ว 16 บริษัท ได้แก่ บมจ.คอมเซเว่น (COM7) 25.05% บมจ.เทิร์นคีย์ คอมมูนิเคชั่น เซอร์วิส (TKC) 0.81% บมจ.เอ็ม วิชั่น (MVP) 7.00% บมจ.สกาย ไอซีที (SKY) 6.77% บมจ.เวฟ เอกซ์โพเนนเชียล (WAVE) 6.20% บมจ.นิวทรีชั่น เอสซี (NTSC) 4.27% บมจ.ไทยพาร์เซิล (TPL) 3.82% บมจ.ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์ (III) 2.71%
บมจ.มิลล์คอน สตีล (MILL) 2.59% บมจ.ซีเอ็มโอ (CMO) 1.94% บมจ.เอสไอเอสบี (SISB) 1.11% บมจ.แพลน บี มีเดีย (PLANB) 0.87% บมจ.กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง (GUNKUL) 0.83% บมจ.ไอที ซิตี้ (IT) 0.6% บมจ.พรีโม เซอร์วิส โซลูชั่น (PRI) 0.56% และ บมจ.การบินกรุงเทพ (BA) 0.52%
ส่วนหุ้นที่ถือเพิ่มในปีนี้มี 5 บริษัท ได้แก่ บมจ.โปร อินไซด์ (PIS) 4.72% บมจ.เจนก้องไกล (JPARK) 2.11% บมจ.วอริกซ์ สปอร์ต (WARRIX) 1.05% บมจ.เอสจี แคปปิตอล (SGC) 0.72% และ บมจ.ซิงเกอร์ประเทศไทย (SINGER) 0.66%
เศรษฐีหุ้นอันดับ 9 ได้แก่ นายคีรี กาญจนพาสน์ ประธานกรรมการ บมจ.บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (BTS) หล่นจากอันดับ 8 เมื่อปีที่แล้ว โดยถือครองหุ้นมูลค่ารวม 16,063.10 ล้านบาท ลดลง 3,395.31 ล้านบาท หรือ 17.45% ประกอบด้วย หุ้น BTS 31.73% กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานระบบขนส่งมวลชนทางราง บีทีเอสโกรท (BTSGIF) 2.14% และ บมจ.ซุปเปอร์ เทอร์เทิล (TURTLE) 1.64%
เศรษฐีหุ้นอันดับ 10 ได้แก่ นพ.พงศ์ศักดิ์ ธรรมธัชอารี หรือ หมอพงศ์ศักดิ์ ผู้ก่อตั้งคลินิกเสริมความงาม “พงศ์ศักดิ์คลีนิค” นักลงทุนรายใหญ่ที่ปีนี้มีพอร์ตการลงทุนมูลค่ารวม 15,404.11 ล้านบาท ลดลง 1,796.82 ล้านบาท หรือ 10.45%
ปีนี้ นพ.พงศ์ศักดิ์ กลับเข้ามาติด TOP 10 เศรษฐีหุ้นไทยอีกครั้ง หลังจากที่หล่นไปอยู่อันดับ 14 เมื่อปีที่แล้ว ซึ่งหุ้นในพอร์ตที่เหมือนกับปีที่แล้วมี 10 บริษัท ประกอบด้วย บมจ.คอมเซเว่น (COM7) 19.81% บมจ.สกาย ไอซีที (SKY) 9.96% บมจ.วอริกซ์ สปอร์ต (WARRIX) 9.06% บมจ.นิวทรีชั่น เอสซี (NTSC) 4.86% บมจ.แพลน บี มีเดีย (PLANB) 4.20% บมจ.เอสไอเอสบี (SISB) 3.68% บมจ.ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์ (III) 3.48% บมจ.เฮลท์ลีด (HL) 1.15% บมจ.การบินกรุงเทพ (BA) 0.94% และ บมจ.เวฟ เอกซ์โพเนนเชียล (WAVE) 2.86%
ส่วนหุ้นที่มีเพิ่มในพอร์ตปีนี้มี 4 บริษัท ได้แก่ บมจ.เจนก้องไกล (JPARK) 9.08% บมจ.ปลูกผักเพราะรักแม่ (OKJ) 2.18% บมจ.โปร อินไซด์ (PIS) 1.64% และ บมจ.โรงพยาบาลพระรามเก้า (PR9) 0.71%
5 อันดับ “ตระกูลเศรษฐีหุ้นไทย” ยังเป็นของ “รัตนาวะดี”
ปี 2568 นี้ “ตระกูลรัตนาวะดี” ของ สารัชถ์ รัตนาวะดี ยังคงครองแชมป์ “ตระกูลเศรษฐีหุ้นไทย” ปี 2568 ติดต่อกันเป็นปีที่ 7 โดยมีความมั่งคั่งรวม 189,992.47 ล้านบาท ลดลง 50,349.43 ล้านบาท หรือ 20.95%
อันดับ 2 ตระกูลจิราธิวัฒน์ โดยเครือญาติรวม 48 คน ถือครองหุ้นรวมกันมูลค่า 70,933.48 ล้านบาท ลดลง 20,614.23 ล้านบาท หรือ 22.52%
อันดับ 3 ตระกูลปราสาททองโอสถ โดย 6 เครือญาติถือครองหุ้นรวมกันเป็นมูลค่า 65,049.21 ล้านบาท ลดลง 37,630.57 ล้านบาท หรือ 36.65%
อันดับ 4 ตระกูลโอสถานุเคราะห์ โดย 14 เครือญาติถือครองหุ้นรวมมูลค่า 60,231.20 ล้านบาท ลดลง 15,411.74 ล้านบาท หรือ 20.37%
อันดับ 5 ตระกูลเพ็ชรอำไพ โดยเจ้าของ บมจ.เมืองไทยแคปปิตอล (MTC) ดาวนภา-ชูชาติ เพ็ชรอำไพ ถือครองหุ้นรวมมูลค่า 58,038.71 ล้านบาท ลดลง 13,041.89 ล้านบาท หรือ 18.35%
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (11 ธ.ค. 68)




