ยูเครนส่งโดรนถล่มเรือบรรทุกน้ำมันรัสเซียในทะเลดำ หวังตัดท่อน้ำเลี้ยง

ยูเครนเปิดปฏิบัติการทางทะเลด้วยการส่งฝูงโดรนโจมตีเรือบรรทุกน้ำมันรัสเซียในทะเลดำจนเสียหายอย่างหนักเมื่อวันพุธ (10 ธ.ค.) หวังตัดรายได้จากการค้าน้ำมันซึ่งรัสเซียนำไปใช้ทำสงครามกับยูเครน

ปฏิบัติการดังกล่าวมีเป้าหมายอยู่ที่เรือบรรทุกน้ำมันชื่อ “Dashan” ซึ่งไม่แสดงธงสัญชาติ และถูกสหภาพยุโรปและสหราชอาณาจักรคว่ำบาตร โดยเจ้าหน้าที่จากหน่วยความมั่นคงยูเครน (SBU) เปิดเผยว่า การโจมตีเกิดขึ้นขณะที่เรือกำลังแล่นผ่านเขตเศรษฐกิจจำเพาะของยูเครน มุ่งหน้าไปยังท่าเรือโนโวรอสซีสค์ของรัสเซีย ด้วยความเร็วสูงสุดและปิดระบบสัญญาณติดตามตำแหน่ง

ภาพวิดีโอปฏิบัติการเผยให้เห็นโดรนทางทะเลแล่นด้วยความเร็วสูงเข้าหาเรือบรรทุกน้ำมันขนาดใหญ่ ก่อนจะพุ่งชนและเกิดระเบิดรุนแรงบริเวณท้ายเรือ ส่งผลให้เรือได้รับความเสียหายขั้นวิกฤต แต่เจ้าหน้าที่ SBU ไม่ได้รายงานผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิต

เจ้าหน้าที่ SBU ระบุว่า ปฏิบัติการนี้เป็นส่วนหนึ่งของมาตรการที่มีเป้าหมายเพื่อลดรายได้จากการค้าน้ำมัน (Petrodollar) ของรัสเซีย โดยเรือ Dashan นับเป็นเรือลำที่ 3 ในรอบ 2 สัปดาห์ที่ถูกโจมตีจนใช้งานไม่ได้ เรือเหล่านี้จัดอยู่ในกลุ่ม “กองเรือเงา” (Shadow fleet) หรือเรือที่ไม่อยู่ภายใต้กฎระเบียบสากล ซึ่งช่วยให้เครมลินลักลอบส่งออกน้ำมันและเลี่ยงมาตรการคว่ำบาตรเพื่อหาเงินมาทำสงคราม

ทางด้านรัสเซียยังไม่ออกมาแสดงความเห็นต่อเหตุการณ์โจมตีครั้งล่าสุด แต่ก่อนหน้านี้ ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ซึ่งสั่งบุกยูเครนตั้งแต่เดือนก.พ. 2565 ได้ขู่ว่าจะตัดเส้นทางออกสู่ทะเลดำของยูเครนเพื่อตอบโต้ โดยประณามการโจมตีลักษณะนี้ว่าเป็นพฤติกรรม “โจรสลัด”

การโจมตีเรือบรรทุกน้ำมันถือเป็นการปรับเปลี่ยนยุทธวิธีใหม่ของยูเครน จากเดิมที่เน้นใช้โดรนทางอากาศพิสัยไกลถล่มโรงกลั่นน้ำมันลึกเข้าไปในดินแดนรัสเซีย มาเป็นการมุ่งเป้าที่การขนส่งทางทะเลโดยตรง

ยุทธวิธีนี้ยังส่งผลกระทบสืบเนื่องให้ต้นทุนเบี้ยประกันภัยสงครามสำหรับเรือในทะเลดำพุ่งสูงขึ้น บริษัทประกันภัยต้องประเมินความเสี่ยงกันรายวัน เนื่องจากความขัดแย้งเริ่มขยายวงกว้างสู่เส้นทางเดินเรือพาณิชย์

ทั้งนี้ นับตั้งแต่เดือนธ.ค.ปีที่แล้ว มีรายงานเหตุระเบิดปริศนาเกิดขึ้นอย่างน้อย 7 ครั้งกับเรือบรรทุกน้ำมันที่เคยเทียบท่าเรือรัสเซีย ซึ่งรวมถึงเหตุระเบิดในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน โดยแหล่งข่าวคาดว่าอาจเป็นฝีมือของยูเครนด้วยการใช้ระเบิดแปะข้างเรือ (Limpet mines) ขณะที่ยูเครนไม่เคยออกมายอมรับหรือปฏิเสธ

 

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (11 ธ.ค. 68)