
นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ซึ่งมีนายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง เป็นประธาน ได้คัดเลือกโครงการที่ได้ยื่นคำขอรับการส่งเสริมการลงทุนแล้วเข้าสู่กลไก Thailand FastPass เป็นล็อตแรกจำนวน 16 โครงการ โดยเป็นโครงการขนาดใหญ่ที่มีเงินลงทุนมากกว่า 1,000 ล้านบาท อยู่ในกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง และเป็นโครงการที่สร้างประโยชน์อย่างมีนัยสำคัญต่อเศรษฐกิจ รวมมูลค่าเงินลงทุนกว่า 1.7 แสนล้านบาท และจะก่อให้เกิดการจ้างงานคนไทยกว่า 7,000 คน ได้แก่
– เทคโนโลยีชีวภาพ บริษัท บราสเคม สยามล
– ชิ้นส่วนยานยนต์สมัยใหม่ บริษัท ไอซิน พาวเวอร์เทรน และเหอไซ่ล
– ชิ้นส่วนอากาศยาน บริษัท สยามมิชลิน และแซม พรีซิชั่น
– อิเล็กทรอนิกส์ขั้นสูง บริษัท ฟาบริเนท, โกลด์ เซอร์คิท อีเลคโทรนิคส์ (2 โครงการ), เพ๊ง เชิน เทคโนโลยี (2 โครงการ), ลีเจ้นท์คอมม์, แอดวานซ์ อินเตอร์คอนเนคชั่น เทคโนโลยี และ พานาโซนิค แมนูแฟคเจอริ่ง
– ดาต้าเซ็นเตอร์ระดับ Hyperscale บริษัท ซีนิท ดาต้า เซ็นเตอร์ แอนด์ คลาวด์ เซอร์วิสเซส และ ตง หนาน ดาต้า
โดยบีโอไอกำหนดให้โครงการที่ได้รับบัตร Thailand FastPass ต้องมีการลงทุนจริงไม่น้อยกว่า 20% ของมูลค่าการลงทุนรวม ภายใน 6 เดือนนับจากวันที่ได้รับบัตร เพื่อเร่งให้เกิดการลงทุนอย่างเป็นรูปธรรมและสามารถวัดผลได้ชัดเจน และบอร์ดบีโอไอจะทยอยพิจารณาคัดเลือกโครงการเพิ่มเติมอย่างต่อเนื่อง เพื่อผลักดันให้เกิดการลงทุนจริง และสนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจไทยในช่วงปี 2569–2570
สำหรับการแก้ไขปัญหาด้านการลงทุน 3 ด้านหลัก ได้แก่ ไฟฟ้า การจัดหาพื้นที่สำหรับการลงทุน วีซ่าและใบอนุญาตทำงาน เพื่อปลดล็อกโครงการลงทุน 80 โครงการ มูลค่า 4.8 แสนล้านบาท บีโอไอได้เร่งดำเนินการหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยมีความคืบหน้าดังนี้
– ด้านไฟฟ้า ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) เมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน 2568 มีมติให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) สามารถจำหน่ายไฟฟ้าโดยตรงให้แก่ผู้ให้บริการดาต้าเซ็นเตอร์ที่มีความต้องการใช้ไฟฟ้าตั้งแต่ 200 เมกะวัตต์ขึ้นไป โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการแก้ไขพระราชกฤษฎีกากำหนดผู้ใช้พลังงานไฟฟ้า นอกจากนี้ ในเรื่องพลังงานสะอาด สำนักงานนโยบายและแผนพลังงานเตรียมเสนอหลักเกณฑ์และโครงสร้างราคาการซื้อขายพลังงานไฟฟ้าโดยตรง (Direct Power Purchase Agreement: Direct PPA) ต่อ กพช. ภายในเดือนธันวาคมนี้ สำหรับการบริการไฟฟ้าสีเขียว (Utility Green Tariff 2: UGT2) สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) เตรียมประกาศอัตราค่าบริการ ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2569 เป็นต้นไป
– ด้านการจัดหาพื้นที่สำหรับการลงทุน บีโอไอได้ประสานความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อเร่งรัดการพิจารณาพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมและการจัดทำผังเมืองให้รองรับความต้องการลงทุนระลอกใหม่ โดยแบ่งเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ 1) การกำหนดแนวทางปรับปรุงผังเมืองเพื่อเพิ่มพื้นที่รองรับนิคมอุตสาหกรรม จะดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในเดือนธันวาคม 2568 2) การจัดทำแนวทางปฏิบัติเพื่อเตรียมพื้นที่ก่อสร้างล่วงหน้าก่อนได้รับการอนุมัติรายงาน EIA คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในเดือนมกราคม 2569 และ 3) การเร่งรัดแก้ไขปัญหาให้กับโครงการที่อยู่ระหว่างการพิจารณาอนุญาตเปลี่ยนแปลงสภาพที่ดินสาธารณะ จำนวน 27 โครงการ มีเป้าหมายให้แล้วเสร็จภายในเดือนมีนาคม 2569
– ด้านวีซ่าและใบอนุญาตทำงาน บีโอไอได้จัดส่งรายชื่อนักลงทุนกลุ่มเป้าหมายให้กรมการกงสุลแล้ว เพื่อเร่งรัดการออกวีซ่าเป็นกรณีพิเศษ และอยู่ระหว่างการเชื่อมโยงระบบ Single Window กับระบบ Thai e-Visa ให้สามารถส่งต่อข้อมูลโดยอัตโนมัติ ซึ่งจะแล้วเสร็จภายในเดือนกุมภาพันธ์ 2569 นอกจากนี้ ในส่วนการให้บริการที่ศูนย์บริการวีซ่าและใบอนุญาตทำงาน (OSS) กรมการจัดหางานได้เพิ่มเจ้าหน้าที่แล้ว และสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองจะดำเนินการเพิ่มอัตรากำลังเจ้าหน้าที่ภายในเดือนธันวาคมนี้ เพื่อที่จะสามารถให้บริการได้รวดเร็วยิ่งขึ้น
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (11 ธ.ค. 68)





