สหรัฐฯ จ่อริบน้ำมันจากเรือที่ยึดได้ใกล้ชายฝั่งเวเนซุเอลา

แคโรไลน์ เลวิตต์ โฆษกทำเนียบขาวของสหรัฐฯ เปิดเผยเมื่อวานนี้ (11 ธ.ค.) ว่า สหรัฐฯ ตั้งใจจะริบน้ำมันจากเรือบรรทุกน้ำมันที่ถูกกองทัพสหรัฐฯ ยึดได้ใกล้กับชายฝั่งของเวเนซุเอลาเมื่อวันพุธ (10 ธ.ค.)

สื่อหลายสำนักรายงานเมื่อวานนี้ว่า รัฐบาลของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ อาจดำเนินการเคลื่อนไหวในลักษณะเดียวกันกับเรือบรรทุกน้ำมันที่ถูกคว่ำบาตรใกล้กับเวเนซุเอลาอีกหลายลำในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า อย่างไรก็ตาม เลวิตต์ปฏิเสธที่จะตอบคำถามเกี่ยวกับการดำเนินการในอนาคตของทำเนียบขาว

เลวิตต์กล่าวในการแถลงข่าวที่ทำเนียบขาวว่า เรือบรรทุกน้ำมันที่ถูกยึดจะแล่นไปยังท่าเรือของสหรัฐฯ และขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการตามขั้นตอนทางกฎหมายเพื่อริบทรัพย์

“สหรัฐฯ ตั้งใจที่จะริบน้ำมันดังกล่าว อย่างไรก็ตาม การริบน้ำมันมีขั้นตอนตามกระบวนการทางกฎหมาย และจำเป็นต้องปฏิบัติตามกระบวนการทางกฎหมายดังกล่าว” เลวิตต์กล่าว

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า เลวิตต์กล่าวถึงเรือบรรทุกน้ำมันที่ถูกยึดว่า “เรือลำดังกล่าวเป็นเรือผิดกฎหมาย (shadow vessel) ที่ถูกคว่ำบาตร และเป็นที่รู้จักจากการขนส่งน้ำมันที่ถูกคว่ำบาตรในตลาดมืดไปยังกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลาม (IRGC) ซึ่งก็เป็นองค์กรที่ถูกคว่ำบาตรเช่นกัน”

ฟาร์ฮาน ฮัก รองโฆษกเลขาธิการสหประชาชาติ (UN) กล่าวว่า อันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการ UN มีความกังวลเกี่ยวกับความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นระหว่างสหรัฐฯ และเวเนซุเอลา โดยเขาระบุในการแถลงข่าวประจำวันว่า “เราเรียกร้องให้ทุกฝ่ายงดเว้นจากการกระทำที่อาจสุมไฟความตึงเครียดระดับทวิภาคี และทำลายเสถียรภาพในเวเนซุเอลาและภูมิภาค”

ทั้งนี้ เป็นเวลานานเกือบ 4 เดือนแล้วที่สหรัฐฯ ยังคงมีกองทหารประจำการในทะเลแคริบเบียน โดยส่วนใหญ่อยู่นอกชายฝั่งเวเนซุเอลา โดยอ้างว่าเพื่อสกัดกั้นการค้ายาเสพติด แต่เวเนซุเอลาปฏิเสธและกล่าวหาว่า ข้ออ้างดังกล่าวเป็นเพียงข้ออ้างบังหน้าเพื่อพยายามโค่นล้มรัฐบาลเวเนซุเอลา

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (12 ธ.ค. 68)