
อินโดนีเซียตั้งเป้าที่จะยุติการนำเข้าน้ำมันดีเซลภายในปี 2569 ขณะที่รัฐบาลอินโดนีเซียเร่งโครงการไบโอดีเซลและเพิ่มกำลังการกลั่นในประเทศ ซึ่งถือเป็นย่างก้าวที่สำคัญในการเสริมสร้างความมั่นคงทางพลังงานและลดการพึ่งพาเชื้อเพลิงจากต่างประเทศ
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า มาตรการสำคัญในความพยายามดังกล่าวคือแผนการบังคับใช้ดีเซลผสม B50 ทั่วประเทศ ซึ่งเป็นน้ำมันดีเซลที่มีส่วนผสมของไบโอดีเซลจากน้ำมันปาล์ม 50% โดยรัฐบาลคาดว่าจะเริ่มนำร่องการใช้ B50 ในช่วงครึ่งหลังของปี 2569 ต่อยอดจากข้อกำหนดไบโอดีเซลที่มีมาอย่างยาวนานของอินโดนีเซีย และถือเป็นการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานหมุนเวียนครั้งใหญ่ที่สุด
บาห์ลิล ลาฮาดาเลีย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานและทรัพยากรแร่ธาตุของอินโดนีเซียกล่าวว่า การผสมผสานระหว่างโครงการ B50 และการยกระดับโรงกลั่น จะทำให้อินโดนีเซียอยู่ในสถานะที่แข็งแกร่งในการยุติการนำเข้าน้ำมันดีเซลในปีหน้า
ลาฮาดาเลียให้สัมภาษณ์กับสื่อท้องถิ่นว่า “เรากำลังเดินหน้าด้วยโครงการบังคับใช้ B50 และเตรียมการสำหรับการประเดิมแผนแม่บทการพัฒนาโรงกลั่นบาลิกปาปัน (Balikpapan RDMP) ซึ่งปัจจัยทั้งสองนี้สนับสนุนเป้าหมายที่จะยุติการนำเข้าน้ำมันดีเซลในปี 2569”
โครงการบาลิกปาปัน ซึ่งเป็นหนึ่งในการลงทุนด้านพลังงานขั้นปลายน้ำที่ใหญ่ที่สุดของอินโดนีเซีย ถือเป็นศูนย์กลางของการเปลี่ยนผ่านครั้งนี้ เมื่อการดำเนินการเสร็จสมบูรณ์ โรงกลั่นแห่งนี้จะเพิ่มกำลังการผลิตขึ้นอีก 100,000 บาร์เรลต่อวันสู่ระดับ 360,000 บาร์เรลต่อวัน โดยโรงกลั่นแห่งนี้จะดำเนินการโดยพีที กิเลียง เพอร์ทามินา บาลิกปาปัน (PT KPB) ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของพีที กิเลียง เพอร์ทามินา อินเตอร์เนชันแนล (PT KPI)
กำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นคาดว่าจะช่วยส่งเสริมการผลิตเชื้อเพลิงภายในประเทศ ลดความจำเป็นในการนำเข้าน้ำมันดีเซล และเพิ่มความยืดหยุ่นของเชื้อเพลิงในระดับประเทศได้อย่างมาก
ทั้งนี้ อินโดนีเซียพึ่งพาการนำเข้าน้ำมันดีเซลสำหรับภาคการขนส่ง การผลิตไฟฟ้า และกิจกรรมทางอุตสาหกรรมมาอย่างยาวนาน ขณะที่รัฐบาลพยายามควบคุมการพึ่งพาดังกล่าวมานานหลายปี โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่ราคาน้ำมันโลกพุ่งสูงขึ้น
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (12 ธ.ค. 68)





