
สำนักงานสถิติแห่งชาติ (ONS) เปิดเผยข้อมูลในวันนี้ (12 ธ.ค.) ว่า เศรษฐกิจของสหราชอาณาจักร (UK) หดตัวลงอย่างเหนือความคาดหมายในช่วง 3 เดือนสิ้นสุดเดือนต.ค. สถานการณ์ดังกล่าวเพิ่มน้ำหนักให้แก่การคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) จะพิจารณาปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย
ONS รายงานว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) หดตัวลง 0.1% ในช่วงเดือนส.ค.-ต.ค. ซึ่งผิดไปจากที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ว่าจะทรงตัว และเมื่อพิจารณาเฉพาะเดือนต.ค. เพียงเดือนเดียว พบว่าเศรษฐกิจหดตัวลง 0.1% สวนทางกับการคาดการณ์ว่าจะขยายตัว 0.1%
แม้ข้อมูล GDP รายเดือนจะมีความผันผวนและอาจมีการปรับปรุงข้อมูลในภายหลัง แต่ตัวเลขล่าสุดแสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจไม่มีการเติบโตนับตั้งแต่เดือนมิ.ย. เป็นต้นมา เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า GDP ในเดือนต.ค. ขยายตัวเพียง 1.1% ซึ่งต่ำกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ไว้ที่ 1.4%
ปัจจัยสำคัญที่ฉุดรั้งเศรษฐกิจมาจากการลดลงอย่างรุนแรงของผลผลิตในภาคบริการและภาคการก่อสร้าง โดย ONS ระบุว่า ผู้ประกอบการค้าปลีกประสบภาวะซบเซาอย่างหนัก ซึ่งส่งผลให้ภาคบริการโดยรวมหดตัวลง 0.3% ในเดือนต.ค. ทั้งที่ตลาดคาดการณ์ว่าจะทรงตัว
นอกจากนี้ ภาคอุตสาหกรรมการผลิต ซึ่งได้รับผลกระทบจากการโจมตีทางไซเบอร์ต่อบริษัทจากัวร์ แลนด์โรเวอร์ (Jaguar Land Rover) เมื่อเดือนก.ย. ยังคงไม่สามารถฟื้นตัวได้ตามเป้าหมาย
ข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอนี้ส่งผลกระทบสืบเนื่องถึงทิศทางนโยบายสำคัญ กล่าวคือ ตัวเลขดังกล่าวลดความน่าเชื่อถือของการประมาณการโดย BoE ที่คาดว่า GDP จะขยายตัว 0.3% ในไตรมาสที่ 4 และทำให้นักลงทุนเพิ่มน้ำหนักความน่าจะเป็นสูงถึง 90% ที่ BoE จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 18 ธ.ค.
ขณะเดียวกัน สภาวะเศรษฐกิจที่เปราะบางยังตอกย้ำถึงความท้าทายสำหรับเรเชล รีฟส์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ภายหลังการประกาศงบประมาณรายจ่ายเมื่อวันที่ 26 พ.ย. ซึ่งมีมาตรการปรับขึ้นภาษีครั้งใหญ่
อย่างไรก็ตาม กระทรวงการคลังได้ออกแถลงการณ์ตอบรับข้อมูลดังกล่าวโดยยืนยันเจตนารมณ์ที่จะฟื้นฟูการเติบโตทางเศรษฐกิจและสร้างการจ้างงานที่มีคุณภาพ
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (12 ธ.ค. 68)





