“อนุทิน” ปัดยุบสภาหนีตรวจสอบ ยันทำตามปชน.ขอ มั่นใจเลือกตั้งครั้งหน้าพร้อมทุกมิติ มั่นใจมาเป็นอันดับ 1

ภาพ: thaigov.go.th

นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย ชี้แจงประเด็นการยุบสภาผ่านรายการ “กรรมกรข่าว คุยนอกจอ” โดยยืนยันว่า การตัดสินใจดังกล่าวไม่ใช่การหนีการตรวจสอบตามที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ และร่างยุบสภามีการเตรียมไว้ตั้งแต่วันแรกที่เข้าทำงานแล้วแค่ลงวันที่

“ในวันนั้นการตรวจสอบยังไม่เกิด ที่ยุบสภาเพราะว่าคนที่บอกเป็นฝ่ายค้ำตน หรือนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชนขอให้ยุบสภา ผมเลยไปยื่นทูลเกล้าฯ ประมาณ 22.00 น. ไม่ได้ยื่นก่อนในตอนเย็นอย่างที่เป็นกระแสข่าว พร้อมย้ำว่าไม่ได้หักหลังพรรคประชาชน แต่เมื่อ MOA ไปต่อไม่ได้ ก็ต้องยุบสภาคืนอำนาจให้ประชาชน” นายอนุทิน กล่าว

นายอนุทิน ระบุว่า อีกเหตุผลที่ตัดสินใจเช่นนี้ เพราะสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาที่กำลังตึงเครียด หากถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจจนรัฐมนตรีหลุดจากตำแหน่งและต้องตั้งรัฐบาลใหม่ จะใช้เวลาเป็นเดือน ซึ่งจะทำให้ประเทศขาดรัฐบาลเต็มคณะในการตัดสินใจเรื่องความขัดแย้งที่ชายแดน

“ถ้ายื่นอภิปรายตามมาตรา 152 ผมเอา แต่ถ้าเกิดยื่นมาตรา 151 ผมก็คอหักกลางสภา แล้วผมต้องไปเสี่ยงหรือไม่ และถ้าอีกเดือนนึงไม่มีรัฐบาล และตอนนี้มีเรื่องกัมพูชา ทั้งนี้ ผมพูดตั้งแต่เดือนต.ค. 68 แล้วว่าอย่าเล่นเกมนี้ ที่ผมต้องตัดสินใจเช่นนี้เพราะที่ชายแดนกำลังพีกอยู่ อย่างน้อยยังมีรัฐบาลที่ดำเนินการในการตัดสินใจเรื่องความขัดแย้ง” นายอนุทิน กล่าว

ส่วนกรณีที่พรรคประชาชนเชื่อว่านายกรัฐมนตรีสามารถโน้มน้าวสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ในเรื่องของการแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้น นายอนุทิน กล่าวว่า เป็นความเข้าใจที่ไม่ถูกต้อง เนื่องจากนายกรัฐมนตรีไม่มีอำนาจสั่งการ สว. และหากกล่าวว่าโน้มน้าวได้อาจเข้าข่ายการฮั้ว ซึ่งไม่เป็นความจริง ทั้งนี้ ยืนยันว่าเรื่องการทำประชามติรัฐธรรมนูญ จะนำเข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันที่ 16 ธ.ค.นี้

 

*ยันปมชายแดนไทย-กัมพูชาทำงานเต็มที่ ไม่หวังผลคะแนนนิยม

นายกฯ ยืนยันว่า การรับมือสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา เป็นหน้าที่ของรัฐบาลไม่ใช่หน้าที่ของพรรคภูมิใจไทย เป็นเรื่องการรักษาอธิปไตยของบ้านเมือง และไม่ได้หวังผลคะแนนนิยมทางการเมืองจากเรื่องนี้

ส่วนกรณีท่าทีของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา และนายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ที่มีความเห็นไม่สอดคล้องกับฝ่ายไทยต่อสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายอนุทิน กล่าวว่า ทั้งสองฝ่ายอยู่ต่างประเทศและได้รับข้อมูลจากรายงาน โดยยืนยันว่าไทยปฎิบัติตาม “ปฏิญญากัวลาลัมเปอร์” ทุกข้อ และไทยไม่ได้เป็นฝ่ายเริ่มก่อน

“ถ้ากัมพูชาเป็นฝ่ายเริ่มยิงก่อน ก็ต้องเป็นฝ่ายหยุดก่อน ไทยจึงจะไม่จำเป็นต้องตอบโต้ เพราะสิ่งที่เราทำคือการรักษาอธิปไตยของประเทศ…โดยย้ำว่า หากต้องการคลี่คลายสถานการณ์ ทั้งสองฝ่ายควรถอยคนละก้าว และฝ่ายกัมพูชาต้องแสดงเจตจำนงอย่างชัดเจนก่อน” นายอนุทิน กล่าว

ส่วนสถานการณ์ความขัดแย้งจะยืดเยื้อไปจนถึงช่วงการเลือกตั้งหรือไม่ นายอนุทิน ยืนยันว่า ไม่น่าจะเกิดขึ้น เนื่องจากไม่มีฝ่ายใดต้องการให้ความขัดแย้งยืดเยื้อ เพราะส่งผลกระทบอย่างหนักต่อเศรษฐกิจ รายได้ และการท่องเที่ยว โดยเฉพาะในช่วงใกล้เทศกาลปีใหม่ พร้อมระบุว่า รัฐบาลจะพยายามบริหารสถานการณ์ให้ประเทศได้รับความเสียหายน้อยที่สุด

 

*ยันความพร้อมเลือกตั้ง

สำหรับความพร้อมในการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึง นายอนุทิน กล่าวว่า พรรคภูมิใจไทย มีความพร้อมในทุกมิติ ตอนนี้คิดเป็นอันดับ 1 เพราะเป็นรัฐบาล เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล มีบุคลากรหลายภาคส่วนเข้ามาร่วม เมื่อก่อนอาจจะอ่อนเรื่องเศรษฐกิจ แต่วันนี้มีมือเศรษฐกิจที่เป็นที่ยอมรับแล้ว ส่วนกรณีนายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง และนางศุภจี สุธรรมพันธุ์ รมว.พาณิชย์ จะเป็นแคนดิเดทนายกรัฐมนตรีของพรรคภูมิใจไทยนั้น นายอนุทิน ระบุว่า ยังอยู่ระหว่างการหารือ และไม่สามารถตัดสินใจหรือบังคับใครได้

“เรื่องตำแหน่งนายกฯ ถ้าคนนอกที่ไม่ได้เป็นสมาชิกพรรค และมาทำงานการเมือง 3-4 เดือน อยู่ ๆ ไปโยนตำแหน่งให้เขาก็ต้องคิด ซึ่งตนก็ต้องคุยอธิบายให้เขาฟังจนกว่าจะถึงวันที่ต้องตัดสินใจ จะไปบังคับหรือใส่ชื่อไปเลย ทำเช่นนั้นไม่ได้”

ส่วนความเป็นไปได้ในการจับมือกับพรรคเพื่อไทยหรือพรรคประชาชนในการจัดตั้งรัฐบาลนั้น นายอนุทิน กล่าวว่า คงต้องรอดูหลังเลือกตั้ง และเน้นว่าหากทุกฝ่าย แยกเรื่องส่วนตัวและความไม่เป็นมืออาชีพออกไป โดยมองบ้านเมืองเป็นหลัก ก็สามารถพูดคุยกันได้

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (15 ธ.ค. 68)

ข่าวล่าสุด