หุ้นเทสลาพุ่งแรง หลังเริ่มทดสอบโรโบแท็กซี่แบบไร้ผู้ควบคุมความปลอดภัย

หุ้นเทสลาพุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบเกือบ 1 ปี ในวันจันทร์ หลังอีลอน มัสก์ ซีอีโอของบริษัทระบุว่า เทสลากำลังทดสอบโรโบแท็กซี่ (robotaxi) โดยไม่ต้องมีเจ้าหน้าที่ดูแลความปลอดภัยนั่งอยู่ที่เบาะผู้โดยสารด้านหน้า

มัสก์ระบุในโพสต์บนเอ็กซ์ (X) เมื่อวันอาทิตย์ (14 ธ.ค.) ว่า “การทดสอบกำลังดำเนินไปโดยไม่มีผู้ควบคุมความปลอดภัยอยู่ในรถ”

แม้ว่ามูลค่าตลาดของเทสลาที่ราว 1.53 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งสูงที่สุดในบรรดาบริษัทรถยนต์ทั่วโลก จะสะท้อนความคาดหวังของนักลงทุนต่อเทคโนโลยีขับขี่อัตโนมัติและโครงการหุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์ของบริษัทเป็นหลัก แต่รายได้และกำไรส่วนใหญ่ของเทสลายังคงมาจากการจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้า

ราคาหุ้นเทสลาปรับตัวขึ้นมากถึง 4.9% แตะที่ 481.37 ดอลลาร์ต่อหุ้น ซึ่งนับว่าสูงที่สุดในรอบเกือบหนึ่งปี

ทั้งนี้ หุ้นเทสลาแตะระดับสูงสุดที่ 488.54 ดอลลาร์เมื่อวันที่ 18 ธ.ค. ปีที่แล้ว จากความคาดหวังที่ว่า รัฐบาลของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์จะผ่อนคลายกฎระเบียบเกี่ยวกับรถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติ

เทสลาเริ่มเปิดให้บริการโรโบแท็กซี่แบบจำกัดในเมืองออสติน รัฐเท็กซัส เมื่อเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา โดยใช้รถยนต์รุ่น Model Y ที่ได้รับการดัดแปลงและติดตั้งระบบขับขี่อัตโนมัติเต็มรูปแบบ (Full Self-Driving หรือ FSD) ซึ่งการดำเนินการในช่วงแรกนั้นจะถูกจำกัดพื้นที่และต้องมี ผู้ควบคุมความปลอดภัยที่เป็นมนุษย์นั่งอยู่ในที่นั่งผู้โดยสารด้วย

นักลงทุนและนักวิเคราะห์ต่างคาดการณ์ว่า เทสลาจะเร่งการทดสอบและนำแท็กซี่ไร้คนขับออกใช้งานโดยรวดเร็ว ในขณะที่บริษัทเตรียมเปิดตัวรถรุ่น Cybercab ในปีหน้า

ที่ผ่านมา เทสลามักชูแผนพัฒนาโรโบแท็กซี่และบริการแท็กซี่ไร้คนขับมาโดยตลอด อย่างไรก็ดี ความคืบหน้าของโครงการเหล่านี้มักเผชิญอุปสรรคด้านกฎระเบียบและปัญหาทางเทคนิค จนทำให้การพัฒนาเป็นไปอย่างล่าช้า

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (16 ธ.ค. 68)