
นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คมนาคม เปิดเผยภายหลัง เป็นประธานการประชุมเตรียมความพร้อมแผนการอำนวยความสะดวกและความปลอดภัยรองรับการเดินทางของประชาชน ช่วงเทศกาลปีใหม่ 2569ว่า เทศกาลปีใหม่ 2569 มีวันหยุดยาว 5 วัน โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 31 ธันวาคม 2568 จนถึงวันที่ 4 มกราคม 2569 โดยคาดการณ์ว่าพี่น้องประชาชนจะเริ่มทยอยเดินทางตั้งแต่วันที่ 26 ธันวาคม 2568 ซึ่งคาดว่าจะมีปริมาณผู้โดยสารเดินทางในช่วงเทศกาลปีใหม่ ด้วยระบบขนส่งสาธารณะในกรุงเทพฯ รวม 21.55 ล้านคน-เที่ยว เพิ่มขึ้น 2.83% จากเทศกาลปีใหม่ 2568 และมีปริมาณผู้โดยสารเดินทางด้วยขนส่งสาธารณะระหว่างจังหวัด รวม 3.99 ล้านคน-เที่ยว เพิ่มขึ้น 8.57% จากเทศกาลปีใหม่ 2568
และกระทรวงคมนาคมได้คาดการณ์ปริมาณจราจรในช่วง 11 วัน ของเทศกาลปีใหม่ 2569 จะมีปริมาณจราจรเข้าและออกจากกรุงเทพมหานคร บนทางหลวงสายหลัก และมอเตอร์เวย์ รวม 11.28 ล้านคัน และบนทางพิเศษ รวม 17.87 ล้านคัน
และจากการคาดการณ์ในส่วนของปริมาณจราจรบนทางหลวงสายหลัก 5 เส้นทางในสายเหนือ (ทล.32) สายอีสาน (ทล.2) สายตะวันออก (ทล.7) สายตะวันตกและใต้ (ทล.4 และ ทล.35) คาดว่าจะมีปริมาณจราจรขาออกประมาณ 3.65 ล้านคัน เพิ่มขึ้นจากปีใหม่ 68 ร้อยละ 3.67 และมีปริมาณจราจรขาเข้าประมาณ 3.48 ล้านคัน เพิ่มขึ้นจากปีใหม่ 68 ร้อยละ 6.60 แสดงถึงการขยายตัว
จึงได้มอบหมายให้หน่วยงานในสังกัดกระทรวงคมนาคม ร่วมกันบูรณาการขับเคลื่อนแผนการอำนวยความสะดวกและความปลอดภัยรองรับการเดินทางของประชาชน ช่วงเทศกาลปีใหม่ 2569 ภายใต้หัวข้อการรณรงค์ “เทศกาลความสุข ทุกที่ทั่วไทย เดินทางสะดวก ปลอดภัย บนโครงข่ายคมนาคม” โดยตั้งเป้าหมาย ลดอุบัติเหตุ ผู้เสียชีวิต และผู้บาดเจ็บ บนโครงข่ายถนนของกระทรวงคมนาคม ต้องลดลงไม่น้อยกว่า 5 %
นายพิพัฒน์ กล่าวต่อว่า ปริมาณจราจรจะมีความแออัดมากในช่วงระหว่างวันที่ 30 ธันวาคม 2568 ถึงวันที่ 1 มกราคม 2569 โดยเฉพาะวันที่ 31 ธันวาคม 2568 ที่มีแนวโน้มแตะระดับสูงสุด จึงขอรณรงค์ให้พี่น้องประชาชนที่มีจุดหมายการเดินทางในระยะเกินกว่า 300 กิโลเมตร หรือกลุ่มบ้านไกล ให้เดินทางออกจากกรุงเทพมหานคร ในช่วงเริ่มต้นของช่วงเทศกาลปีใหม่ 2569 เพื่อหลีกเลี่ยงการจราจรติดขัด และเดินทางกลับเข้ากรุงเทพมหานครในช่วงปลายเทศกาล และกลุ่มบ้านใกล้ หรือจุดหมายการเดินทางในระยะทางน้อยกว่า 300 กิโลเมตร ให้ออกเดินทางหลังจากกลุ่มบ้านไกลและกลับเข้ามายังกรุงเทพมหานครก่อน เพื่อบริหารการจราจรให้เกิดความคล่องตัว
นอกจากนี้กระทรวงคมนาคม ขอรณรงค์ให้ประชาชนวางแผนการเดินทางล่วงหน้า เพื่อกระจายการเดินทางและเหลื่อมเวลาการเดินทาง โดยเลี่ยงการเดินทางในช่วงเวลา 07.00 – 16.00 น. เพื่อเลี่ยงช่วงที่มีปริมาณจราจรสูงสุด โดยขอให้ขยับการเดินทางเร็วขึ้นก่อนเวลา 07.00 น. หรือให้เดินทางช้าลง หลังเวลา 16.00 น.
สำหรับความพร้อมในการบริหารจัดการรองรับการเดินทางของประชาชนในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2569 ประกอบด้วย 3 มิติ 7 มาตรการ ได้แก่
1) มิติป้องกันก่อนเกิดเหตุ โดยมีโครงการตรวจสภาพรถฟรีของกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) บูรณาการตั้งจุดบริการอำนวยความสะดวกเพื่อความปลอดภัย จำนวน 150 แห่ง ทั่วประเทศ
2) มิติอำนวยความสะดวก ด้านโครงข่ายการเดินทาง บริการข้อมูลข่าวสารการจราจรผ่านช่องทางออนไลน์ ทั้งนี้ ประชาชนสามารถตรวจสอบข้อมูลการเดินทางและแจ้งอุบัติเหตุได้ที่ศูนย์ปลอดภัยคมนาคม สายด่วน 1356 และ Application ต่าง ๆ
และ 3) มิติอำนวยความปลอดภัย ให้มีการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มข้น การตรวจสอบแอลกอฮอล์และสิ่งเสพติดผู้ขับรถบรรทุกและรถโดยสารสาธารณะ กำกับดูแลวินัยจราจรผู้ใช้ถนน ปรับปรุงซ่อมแซมถนน และจัดอุปกรณ์ความปลอดภัยบริเวณจุดเสี่ยงที่เกิดอุบัติเหตุซ้ำซ้อน หยุดงานก่อสร้าง เฝ้าจุดเสี่ยงบนสายทาง และจัดทำป้ายเตือนและป้ายแนะนำ จัดเตรียมรถลาก ประสานภาคีเครือข่าย
สำหรับบริการการแพทย์ฉุกเฉิน กู้ชีพและกู้ภัย ตลอดจน ได้เน้นย้ำให้ทุกหน่วยงานในสังกัดช่วยกันรณรงค์ประชาสัมพันธ์ “ไม่ขับเร็ว – คาดเข็มขัดนิรภัย – สวมหมวกนิรภัย – ดื่มไม่ขับ – รักษาวินัยจราจร – ง่วงไม่ขับ – ไม่ขับย้อนศร”
นายพิพัฒน์ กล่าวเพิ่มเติมว่า หน่วยงานในสังกัดกระทรวงคมนาคมได้ร่วมกันให้บริการฟรีแก่พี่น้องประชาชนในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2569 ประกอบด้วย
(1) ยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษ และมอเตอร์เวย์ 7 วัน ตั้งแต่วันที่ 30 ธันวาคม 2568 เวลา 00.01 น. ถึง วันที่ 5 มกราคม 2569 เวลา 24.00 น. บนทางพิเศษบูรพาวิถีและกาญจนาภิเษก (บางพลี – สุขสวัสดิ์) ของการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) และบนมอเตอร์เวย์หมายเลข 7 และมอเตอร์เวย์หมายเลข 9 สายวงแหวนรอบนอกกรุงเทพฯ ถนนกาญจนาภิเษก ตอนบางปะอิน – บางพลี
(2) ยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษ 2 วัน ตั้งแต่วันที่ 31 ธันวาคม 2568 เวลา 00.01 น. ถึง วันที่ 1 มกราคม 2569 เวลา 24.00 น.
นอกจากนี้ ยังเปิดให้ใช้เส้นทางมอเตอร์เวย์หมายเลข 6 ตลอดเส้นทางจากบางปะอิน-นครราชสีมา ระยะทาง 196 กิโลเมตร โดยจากช่วงบางปะอิน-ปากช่อง ระยะทางประมาณ 110 กิโลเมตร จะเปิดเดินรถทิศทางเดียว โดยให้วิ่งเฉพาะขาออกจากกรุงเทพมหานคร จำนวน 3 ช่องจราจร ในวันที่ 30 ธันวาคม 2568 ถึง 2 มกราคม 2569 และเปิดให้วิ่งเฉพาะขาเข้ากรุงเทพมหานคร จำนวน 3 ช่องจราจร ในวันที่ 3 – 5 มกราคม 2569 เปิดให้ใช้เส้นทางมอเตอร์เวย์หมายเลข 81 จากบางใหญ่-นครปฐม-กาญจนบุรี ระยะทาง 96 กม. โดยเปิดทางเข้า – ออก จำนวน 8 จุด ได้แก่ ด่านบางใหญ่ ด่านนครชัยศรี ด่านศีรษะทอง ด่านนครปฐมฝั่งตะวันออก ด่านนครปฐมฝั่งตะวันตก ด่านท่ามะกา ด่านท่าม่วง และด่านกาญจนบุรี และเปิดให้ใช้เส้นทางมอเตอร์เวย์หมายเลข 82 จากแยกต่างระดับบางขุนเทียน – เอกชัย ระยะทาง 10 กิโลเมตร
นายพิพัฒน์ กล่าวตอนท้ายว่า ได้มีข้อสั่งการเพิ่มเติมโดยมอบหมายให้กรมทางหลวง (ทล.) ดำเนินการติดป้ายเตือนพื้นที่ก่อสร้าง ทางโค้ง ทางแยกอันตราย ป้ายจำกัดความเร็ว แก้ไขปรับปรุงด้านกายภาพจุดเสี่ยง และปรับปรุงแก้ไขจุดกลับรถ เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ดำเนินการเสริมตู้ขบวนรถไฟให้เพียงพอกับจำนวนผู้โดยสาร สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) ให้ควบคุมค่าโดยสารไม่ให้สูงเกินเพดานราคาค่าโดยสาร และให้พิจารณาลดค่าโดยสาร 30% จากเพดานราคา และให้เปลี่ยนแบบเครื่องบินเพื่อรองรับผู้โดยสารให้เพิ่มมากขึ้น กรมเจ้าท่า (จท.) ดูแลความปลอดภัยการขึ้น – ลงบริเวณท่าเรือ และควบคุม ตรวจสอบขณะเดินเรืออย่างใกล้ชิดเพื่อความปลอดภัยสูงสุดของผู้โดยสาร
การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) ให้ทำการประชาสัมพันธ์การยกเว้นค่าผ่านทางช่วงเทศกาล เพื่อให้ประชาชนรับทราบโดยทั่วกัน และองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ให้ดำเนินการตรวจสอบสภาพรถทุกคันก่อนให้บริการ พร้อมตรวจสอบความพร้อมของเจ้าหน้าที่ โดยเฉพาะพนักงานขับรถให้มีความพร้อมสูงสุดและได้เน้นย้ำให้ทุกหน่วยงานดำเนินการอย่างเคร่งครัด
นอกจากนี้ได้เน้นย้ำในเรื่องของการลดและปิดจุดเสี่ยงอุบัติเหตุ เฝ้าระวังจุดเกิดอุบัติเหตุซ้ำซ้อน หยุดกิจกรรมการก่อสร้าง และคืนพื้นผิวบริเวณพื้นที่ก่อสร้าง ให้ตีเส้นจราจรชั่วคราว ติดตั้งไฟฟ้าส่องสว่างให้เพียงพอ เพิ่มไฟฟ้าส่องสว่างในเส้นทางเพื่อให้เกิดความปลอดภัยในการเดินทางในเวลากลางคืน รวมทั้งให้มีการบริหารจัดการจราจรบนเส้นทางจราจรหนาแน่นติดขัด โดยให้หน่วยงานตามปริมาณจราจรตลอดเวลา พร้อมเปิดช่องจราจรพิเศษ บนถนนที่มีการจราจรหนาแน่น เน้นบริหารจัดการจราจรเชิงรุก ระบายการจราจรอย่างทันสถานการณ์ และขอความร่วมมือรถบรรทุกงดวิ่ง ตลอดจนจัดระเบียบจราจรจุดขึ้นเนิน และจัดหน่วยบริการเคลื่อนที่เพื่อให้บริการประชาชน
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (16 ธ.ค. 68)





