ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบเล็กน้อย กลุ่มเทคโนฯ ถ่วงตลาดลง

ตลาดหุ้นยุโรปปิดแทบไม่เปลี่ยนแปลงในวันพุธ (17 ธ.ค.) โดยการปรับตัวลงของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีถูกหักล้างโดยการปรับตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่งของหุ้นกลุ่มทรัพยากรพื้นฐาน ท่ามกลางความกังวลที่ยังคงมีอยู่เกี่ยวกับมูลค่าหุ้นเทคโนโลยีที่พุ่งสูงขึ้นจากกระแสปัญญาประดิษฐ์

  • ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดที่ระดับ 579.79 จุด ลดลง 0.01 จุด หรือ -0.002%
  • ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 8,086.05 จุด ลดลง 20.11 จุด หรือ -0.25%
  • ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 23,960.59 จุด ลดลง 116.28 จุด หรือ -0.48% และ
  • ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 9,774.32 จุด เพิ่มขึ้น 89.53 จุด หรือ +0.92%

 

ข้อมูลบ่งชี้ว่า เงินเฟ้อฝั่งผู้บริโภคของอังกฤษในเดือนพ.ย. ลดลงแรงกว่าที่คาด ส่งผลให้นักลงทุนเพิ่มน้ำหนักการคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในวันพฤหัสบดีนี้

หุ้นกลุ่มธนาคารเป็นแรงหนุนสำคัญต่อ STOXX 600 โดยเพิ่มขึ้น 1% และซื้อขายใกล้ระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2551

หุ้น HSBC พุ่งขึ้น 2.7% หลังแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ก่อนหน้านี้ เนื่องจากโบรกเกอร์ปรับเพิ่มคำแนะนำลงทุน

หุ้นกลุ่มเหมืองแร่เป็นกลุ่มที่ปรับตัวขึ้นมากที่สุด โดยเพิ่มขึ้น 1.1% หลังราคาโลหะเงินทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ และราคาทองคำขยับขึ้นเล็กน้อย

หุ้นที่อิงกับสินค้าโภคภัณฑ์ปรับตัวขึ้น โดยหุ้นพลังงานเคลื่อนไหวตามราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้น หลังสหรัฐฯ สั่งปิดล้อมเรือขนน้ำมันที่ถูกคว่ำบาตรของเวเนซุเอลา โดยหุ้น Shell และ BP ต่างปรับตัวขึ้น

หุ้นเทคโนโลยีลดลง 1.7% โดยหุ้นเซมิคอนดักเตอร์อย่าง ASML Holdings, BESI และ ASMI ปรับตัวลง

หุ้นกลุ่มก่อสร้างและวัสดุ รวมถึงกลุ่มยานยนต์ ก็เผชิญแรงกดดันเช่นกัน

ดัชนี STOXX 600 ปรับตัวขึ้นเกือบ 15% แล้วในปีนี้ จากแรงหนุนของอัตราดอกเบี้ยที่ลดลงทั่วยุโรป และการที่นักลงทุนทั่วโลกกระจายการลงทุนออกจากหุ้นเทคโนโลยีสหรัฐฯ ที่มีมูลค่าสูง

ในสัปดาห์นี้ นักลงทุนจับตาการตัดสินใจด้านนโยบายการเงินของธนาคารกลางหลายแห่ง รวมถึงธนาคารกลางยุโรป ธนาคารกลางสวีเดน ธนาคารกลางอังกฤษ และธนาคารกลางนอร์เวย์

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (18 ธ.ค. 68)