
เจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาลญี่ปุ่น ซึ่งทำหน้าที่ให้คำปรึกษาด้านความมั่นคงแก่ ซานาเอะ ทาคาอิจิ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น แสดงความคิดเห็นว่า ญี่ปุ่นควรมีอาวุธนิวเคลียร์ ซึ่งความเห็นนี้สวนทางกับหลักการไม่ใช้อาวุธนิวเคลียร์ที่ญี่ปุ่นยึดถือมาอย่างยาวนาน และอาจก่อให้เกิดกระแสต่อต้านทั้งในและต่างประเทศ
เจ้าหน้าที่รายดังกล่าว ซึ่งมีส่วนร่วมในการกำหนดนโยบายด้านความมั่นคงภายใต้รัฐบาลทาคาอิจิ ระบุว่า คิดว่าญี่ปุ่นควรมีอาวุธนิวเคลียร์ไว้ในครอบครอง แต่ยอมรับว่า แนวคิดดังกล่าวยังไม่สามารถเกิดขึ้นได้จริง
คำกล่าวดังกล่าวมีขึ้นในขณะที่นายกฯ ทาคาอิจิ ผู้มีแนวคิดสายเหยี่ยว กำลังพิจารณาทบทวนหลักการไม่ใช้อาวุธนิวเคลียร์ที่ญี่ปุ่นยึดถือมาตลอดในฐานะประเทศเดียวที่เคยถูกระเบิดปรมาณู
ระหว่างการพูดคุยกับผู้สื่อข่าว เจ้าหน้าที่คนเดิมยอมรับถึงความจำเป็นของอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูง โดยกล่าวว่า “ท้ายที่สุดแล้ว เราต้องพึ่งพาตนเองให้ได้” พร้อมเสริมว่าเรื่องนี้ไม่ใช่สิ่งที่จะทำได้รวดเร็วเหมือนการเดินเข้าร้านสะดวกซื้อเพื่อไปซื้อของ
ก่อนหน้านี้มีแหล่งข่าวจากรัฐบาลระบุว่า นายกฯ ทาคาอิจิซึ่งดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคเสรีประชาธิปไตย (LDP) ด้วยนั้น กำลังพิจารณาทบทวน “หลักการไม่ใช้อาวุธนิวเคลียร์ 3 ประการ” อันได้แก่ การไม่ครอบครอง ไม่ผลิต และไม่ยอมให้นำอาวุธนิวเคลียร์เข้ามาในประเทศ
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า อดีตนายกรัฐมนตรี เอซากุ ซาโต เป็นผู้ประกาศหลักการไม่ใช้อาวุธนิวเคลียร์นี้ต่อรัฐสภาเป็นครั้งแรกเมื่อปี 2510 จนกลายเป็นจุดยืนสำคัญของชาติ ซึ่งส่งผลให้เขาได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพเมื่อปี 2517
อย่างไรก็ตาม ความพยายามที่จะเปลี่ยนนโยบายนิวเคลียร์พื้นฐานยังคงเป็นเรื่องที่อ่อนไหวอย่างมากในสังคมญี่ปุ่น เพราะประชาชนส่วนใหญ่ยังยึดมั่นในรัฐธรรมนูญฉบับสันติภาพหลังสงคราม นอกจากนี้ การมีอาวุธนิวเคลียร์ยังขัดกับความพยายามของรัฐบาลญี่ปุ่นที่ต้องการผลักดันให้โลกปลอดอาวุธนิวเคลียร์ ตามความปรารถนาของเหล่าผู้รอดชีวิตจากเหตุการณ์ระเบิดปรมาณูที่ยังมีชีวิตอยู่
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (19 ธ.ค. 68)





