ทรัมป์ประกาศชัยชนะ บริษัทยาส่วนใหญ่ยอมปรับลดราคายาในสหรัฐฯ

บริษัทยาขนาดใหญ่ของสหรัฐฯ และยุโรปจำนวนมาก บรรลุข้อตกลงกับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เมื่อวันศุกร์ (19 ธ.ค.) เพื่อสมัครใจจำหน่ายยาในราคาที่ถูกลง หลังรัฐบาลสหรัฐฯ ผลักดันนโยบายเชื่อมโยงราคายาภายในประเทศกับราคาที่ต่ำกว่าในต่างประเทศ โดยมุ่งลดภาระค่าใช้จ่ายของผู้ป่วยชาวอเมริกัน

บริษัทที่เข้าร่วมข้อตกลงประกอบด้วย Merck, Bristol Myers Squibb, Amgen, Gilead, GSK, Sanofi, Genentech ในเครือ Roche, Boehringer Ingelheim และ Novartis ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนหลักของบริษัทยาทั้ง 17 แห่งที่ทรัมป์เคยส่งจดหมายเรียกร้องให้ลดราคายาเมื่อเดือนก.ค.

ข้อตกลงดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของนโยบายประเทศที่ได้รับสิทธิพิเศษสูงสุด หรือ MFN ซึ่งทรัมป์ได้ลงนามคำสั่งฝ่ายบริหารฟื้นนโยบายนี้ขึ้นมาเมื่อเดือนพ.ค. เพื่อกดดันให้ราคายาในสหรัฐฯ สอดคล้องกับประเทศที่มีราคาต่ำกว่า

ทรัมป์ระบุว่า ขณะนี้บริษัทยารายใหญ่ 14 จาก 17 แห่ง ตกลงลดราคายาอย่างมีนัยสำคัญให้กับประชาชนและผู้ป่วยในสหรัฐฯ พร้อมชี้ว่านี่เป็นความก้าวหน้าครั้งสำคัญด้านความสามารถในการเข้าถึงยา และเป็นประโยชน์ต่อชาวอเมริกันในวงกว้าง

สำหรับบริษัทยารายใหญ่ที่ยังไม่ได้ลงนามในข้อตกลง ได้แก่ Johnson & Johnson, AbbVie และ Regeneron อย่างไรก็ตาม ทรัมป์ระบุว่า Johnson & Johnson มีแผนจะเข้าร่วมในสัปดาห์หน้า

ภายใต้ข้อตกลง บริษัทยาทั้ง 9 แห่งตกลงดำเนินมาตรการลดราคายาในสหรัฐฯ รวมถึงการจำหน่ายยาที่มีอยู่ให้แก่ผู้ป่วยในโครงการเมดิเคดในราคาต่ำสุดตามหลัก MFN นอกจากนี้ บริษัทยังเห็นพ้องนำยาที่ได้รับความนิยมสูงสุดของตนไปแสดงจำหน่ายผ่านเว็บไซต์ขายตรงถึงผู้บริโภคในชื่อ TrumpRx ซึ่งมีกำหนดเปิดตัวในเดือนม.ค.

 

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (20 ธ.ค. 68)