
ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) มองกรอบการเคลื่อนไหวค่าเงินบาทสัปดาห์หน้า (22-26 ธ.ค.) ที่ระดับ 31.30-31.80 บาท/ดอลลาร์ จากปิดตลาดวันศุกร์ที่ 19 ธ.ค. ที่ 31.46 บาท/ดอลลาร์ โดยในช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมาเงินบาทแข็งค่าผ่านแนว 31.50 บาท/ดอลลาร์ สอดคล้องกับสกุลเงินอื่นในภูมิภาคและการปรับตัวขึ้นของราคาทองคำในตลาดโลก
ขณะที่ดอลลาร์ยังคงถูกกดดันจากการคาดการณ์เกี่ยวกับแนวโน้มการลดดอกเบี้ยของสหรัฐฯ ในปีหน้า อย่างไรก็ดี เงินบาทลดช่วงบวกและอ่อนค่ากลับมาบางส่วนในช่วงกลางสัปดาห์ หลังคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยลงมาที่ระดับ 1.25% เพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ พร้อมกับมีการระบุถึงการยกระดับการติดตามการเคลื่อนไหวของเงินบาท ซึ่งแข็งค่าขึ้นตามการคาดการณ์ดอกเบี้ยเฟดและปัจจัยเฉพาะของไทย
นอกจากนี้ ในระหว่างสัปดาห์ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ยังส่งสัญญาณติดตามธุรกรรมที่อาจส่งผลทางตรงและทางอ้อมต่อค่าเงินบาททั้งในส่วนของธุรกรรมทองคำในรูปแบบ Paper Trade สินทรัพย์ดิจิทัล และช่องทางอื่น ๆ ด้วยเช่นกัน
อย่างไรก็ดี เงินบาทพลิกกลับมาแข็งค่าขึ้นอีกครั้งช่วงท้ายสัปดาห์ และแตะระดับแข็งค่าสุดในรอบประมาณ 4 ปีครึ่งครั้งใหม่ (นับตั้งแต่ 21 มิ.ย. 64) ที่ 31.36 บาท/ดอลลาร์ฯ ขณะที่ดอลลาร์เผชิญแรงกดดัน หลังจากตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐฯ มีทิศทางชะลอลง [US CPI Inflation +2.7% YoY ในเดือนพ.ย. ต่ำกว่าที่ตลาดคาดที่ 3.1% และชะลอลงจากระดับ 3.0% ในเดือนก.ย.] ซึ่งทำให้ตลาดยังคงให้ความสนใจไปที่โอกาสความเป็นไปได้ที่เฟดจะปรับลดดอกเบี้ยมากกว่าที่สื่อสารไว้ใน Dot Plot ในปี 2569
ส่วนปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตามในสัปดาห์หน้า ได้แก่ ท่าทีต่อสถานการณ์เงินบาทของทางการไทย ตัวเลขการส่งออกเดือนพ.ย. ของไทย ฟันด์โฟลว์ของต่างชาติ ทิศทางค่าเงินเอเชียและราคาทองคำในตลาดโลก รวมถึงสถานการณ์ระหว่างไทย-กัมพูชา
ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนและการผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนต.ค. ข้อมูลจีดีพีและดัชนีราคา PCE/Core PCE ประจำไตรมาส 3/2568 ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนธ.ค. และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (20 ธ.ค. 68)





