
นาจิบ ราซัค อดีตนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย พ่ายคดีหลังศาลสูงยกคำร้องขอเปลี่ยนโทษจำคุกที่เหลือเป็นการกักตัวในบ้านเมื่อวันจันทร์ (22 ธ.ค.) นับเป็นความพ่ายแพ้อีกระลอกของอดีตผู้นำผู้ทรงอิทธิพลที่ต้องรับโทษจำคุกจากคดีทุจริตกองทุน 1MDB
นาจิบ วัย 72 ปี ถูกคุมขังมาตั้งแต่ปี 2565 จากคดีทุจริตในกองทุน 1MDB ซึ่งเป็นกองทุนพัฒนาเศรษฐกิจที่นาจิบจัดตั้งขึ้นสมัยดำรงตำแหน่งนายกฯ คดีนี้กลายเป็นเรื่องอื้อฉาวมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ที่นำไปสู่การสืบสวนทั่วโลก แต่นาจิบยังคงยืนกรานปฏิเสธว่าไม่ได้ยักยอกเงินจากกองทุนดังกล่าว
อลิซ หลก ยี้ เช้ง ผู้พิพากษาศาลสูงกัวลาลัมเปอร์ วินิจฉัยว่า พระราชโองการที่อนุญาตให้นาจิบกักตัวในที่พักนั้นไม่มีผลบังคับใช้ เนื่องจากสมเด็จพระราชาธิบดีไม่สามารถมีพระบรมราชวินิจฉัยโดยลำพังโดยไม่ผ่านความเห็นชอบของคณะกรรมการอภัยโทษได้ ขณะที่มูฮัมหมัด ชาฟี อับดุลเลาะห์ ทนายความของนาจิบ ยืนยันว่าจะยื่นอุทธรณ์คำตัดสินนี้
ก่อนหน้านี้ นาจิบพยายามขอให้ศาลบังคับรัฐบาลปฏิบัติตามพระราชโองการของสมเด็จพระราชาธิบดี สุลต่านอับดุลเลาะห์ อาหมัด ชาห์ อดีตประมุข แต่นายกรัฐมนตรีอันวาร์ อิบราฮิม ชี้แจงว่าที่ประชุมคณะกรรมการอภัยโทษไม่ได้หารือเรื่องการกักตัวในที่พัก และย้ำว่าการตัดสินใจในขั้นสุดท้ายต้องมาจากมติของที่ประชุมเท่านั้น
คำวินิจฉัยนี้ทำให้โอกาสที่นาจิบจะกลับคืนสู่วงการเมืองริบหรี่ลง เนื่องจากเขาต้องรับโทษจำคุกไปจนถึงปี 2571 และจะถูกเว้นวรรคทางการเมืองต่ออีก 5 ปีหลังพ้นโทษ
อย่างไรก็ดี นาจิบยังคงมีอิทธิพลอย่างมากภายในพรรคองค์การมลายูรวมแห่งชาติ หรืออัมโน (UMNO) ซึ่งเป็นพรรครัฐบาลที่ช่วยหนุนให้อันวาร์ยังคงรักษาอำนาจไว้ได้ โดยพรรคอัมโนพยายามรณรงค์ให้ปล่อยตัวนาจิบมาโดยตลอด
ในวันศุกร์นี้ (26 ธ.ค.) นาจิบยังมีกำหนดฟังคำตัดสินสำคัญในคดีสุดท้ายที่เชื่อมโยงกับกองทุน 1MDB ซึ่งหากศาลตัดสินว่ามีความผิด อดีตผู้นำรายนี้อาจต้องติดคุกต่ออีกหลายปี
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (22 ธ.ค. 68)





