
กระทรวงวิทยาศาสตร์ของญี่ปุ่นเปิดเผยว่า จรวด H3 ซึ่งบรรทุกดาวเทียมระบุพิกัดดวงที่ 6 ในระบบโครงข่าย 7 ดวง ไม่สามารถส่งดาวเทียมเข้าสู่วงโคจรได้สำเร็จ หลังทะยานออกจากฐานวันนี้ (22 ธ.ค.)
องค์การสำรวจอวกาศแห่งญี่ปุ่น (JAXA) กำลังตรวจสอบสถานการณ์และหาสาเหตุที่เครื่องยนต์ท่อนที่สองหยุดทำงานเร็วกว่ากำหนด ซึ่งเกิดขึ้นเพียงไม่นานหลังจรวดถูกปล่อยออกจากศูนย์อวกาศทาเนงาชิมะในจังหวัดคาโงชิมะ
JAXA ระบุว่า ระบบดาวเทียมกึ่งจุดเหนือศีรษะ (QZSS) ซึ่งจัดวางในแนววงโคจรที่หลากหลาย จะช่วยให้ญี่ปุ่นระบุพิกัดตำแหน่งได้อย่างแม่นยำยิ่งขึ้น ซึ่งจำเป็นอย่างยิ่งต่อการใช้งานสมาร์ตโฟนและระบบนำทางในรถยนต์ โดยระบบนี้จะครอบคลุมพื้นที่เกือบ 100% ของญี่ปุ่น รวมถึงในพื้นที่ตึกสูงและหุบเขา
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า เดิมที ดาวเทียม “มิจิบิกิ” (Michibiki) หมายเลข 5 มีกำหนดปล่อยจากเกาะทางตะวันตกเฉียงใต้ของญี่ปุ่นในวันที่ 7 ธ.ค. แต่ต้องเลื่อนมาเป็นวันพุธที่ผ่านมา (17 ธ.ค.) และเป็นวันนี้แทน เนื่องจากตรวจพบความผิดปกติในตัวจรวดและอุปกรณ์ภาคพื้นดิน
ญี่ปุ่นเริ่มใช้ระบบระบุพิกัดของตนเองด้วยดาวเทียม 4 ดวงมาตั้งแต่ปี 2561 เพื่อเสริมประสิทธิภาพและช่วยให้ระบบ GPS ของสหรัฐฯ ใช้งานได้ดียิ่งขึ้น
สำหรับดาวเทียมมิจิบิกิ หมายเลข 6 นั้นถูกส่งขึ้นไปเมื่อเดือนก.พ. ที่ผ่านมา โดย JAXA ตั้งเป้าจะเพิ่มจำนวนดาวเทียมระบุพิกัดให้ครบ 11 ดวง เพื่อเป็นระบบสำรองหากเกิดปัญหาทางเทคนิคและเพื่อขยายขอบเขตการให้บริการ
JAXA ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ระบบดาวเทียม 7 ดวงนี้จะทำให้มีดาวเทียมอย่างน้อยหนึ่งดวงอยู่เหนือท้องฟ้าญี่ปุ่นตลอดเวลา และจะขยายพื้นที่ครอบคลุมไปยังส่วนอื่น ๆ ของเอเชียและโอเชียเนียด้วย
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (22 ธ.ค. 68)





