ไทย-กัมพูชา: สระแก้วปะทะเดือด! เขมรยิงอาวุธหนักลงตาพระยา ทหารไทยพลีชีพอีก 1 ราย

พล.ร.ต.สุรสันต์ คงสิริ (ภาพ: thaigov.go.th)

พล.ร.ต.สุรสันต์ คงสิริ โฆษกกระทรวงกลาโหม แถลงข่าวของศูนย์แถลงข่าวร่วมสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ประจำวันที่ 22 ธ.ค.68 ระบุว่า มีหลักฐานที่ชัดเจนซึ่งเป็นคลิปวิดีโอว่า ฝ่ายกัมพูชาใช้พื้นที่ชุมชนหมู่บ้าน เพื่อซ่อนอำพรางเป็นฐานยิงจรวด BM-21 เข้ามาโจมตีในฝั่งไทย ซึ่งไทยได้รวบรวมหลักฐานต่าง ๆ เพื่อไว้ใช้สำหรับการประท้วงในเวทีนานาชาติ ให้ได้รับทราบถึงความโหดร้ายของฝ่ายกัมพูชาที่ละเมิดสิทธิ และอนุสัญญาระหว่างประเทศ

  • ปะทะเดือดสระแก้ว! ทหารไทย เสียชีวิตเพิ่ม 1 ราย

โดยความคืบหน้าสถานการณ์ปะทะระหว่างไทย-กัมพูชา ล่าสุดจนถึงเวลา 14.00 น. พบว่า เมื่อช่วงเช้า ฝ่ายกัมพูชาใช้เครื่องยิงลูกระเบิดโจมตีเขตพลเรือนฝั่งไทย ลูกระเบิดตกใส่ยุ้งข้าวของชาวบ้านได้รับความเสียหาย ในพื้นที่ อ.โคกสูง จ.สระแก้ว จากนั้นเวลาประมาณ 11.30 น. ฝ่ายกัมพูชายังคงยิงอาวุธหนักเข้าใส่ที่ตั้งของฝ่ายไทย บริเวณแนวชายแดน อ.ตาพระยา จ.สระแก้ว ส่งผลให้ทหารไทยเสียชีวิตเพิ่มอีก 1 นาย

ทั้งนี้ จากสถานการณ์ตึงเครียดที่ชายแดน จ.สระแก้ว ทำให้ต้องมีการอพยพประชาชนออกจากพื้นที่ไปยังศูนย์พักพิงชั่วคราวตั้งแต่เมื่อวานแล้ว รวมทั้งหมด 4 อำเภอ ได้แก่ อ.ตาพระยา อ.โคกสูง อ.อรัญประเทศ และ อ.คลองหาด

ส่วนพื้นที่กาสิโน “ทมอดา” ซึ่งอยู่ในดินแดนอธิปไตยของไทย บริเวณบ้านท่าเส้น จ.ตราดนั้น ได้รับคำยืนยันจากกองทัพเรือว่าสามารถควบคุมพื้นที่ได้เบ็ดเสร็จ รวมทั้งได้รับความร่วมมือจากกองทัพอากาศในปฏิบัติการทางอากาศเพื่อโจมตีเป้าหมาย

ด้าน พ.อ.ริชฌา สุขสุวานนท์ รองโฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า ขณะนี้สถานการณ์ในพื้นที่รับผิดชอบของกองทัพภาคที่ 2 ในส่วนพื้นที่ที่ควบคมได้แล้วนั้น กำลังอยู่ในขั้นตอนการสถาปนาความมั่นคง ซึ่งทางฝ่ายกัมพูชาได้โจมตีเข้ามา แม้จะเบาบางลงบ้าง แต่ยังพบว่ามีการโจมตีเข้ามาในบางจุด โดยฝ่ายไทยได้ป้องกันตนเองด้วยการยับยั้งการโจมตีกลับให้สิ้นสภาพ

ส่วนพื้นที่รับผิดชอบของกองทัพภาคที่ 1 คือ จ.ตราด จันทบุรี และสระแก้ว กองกำลังบูรพาได้เปิดปฏิบัติการเข้าควบคุมพื้นที่สำคัญ บริเวณบ้านคลองแผง บ้านหนองหญ้าแก้ว และบ้านหนองจาน ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวกัมพูชาได้รุกล้ำเข้ามาเป็นเวลานาน โดยฝ่ายไทยได้พยายามควบคุมพื้นที่คืน ปัจจุบันยังอยู่ในปฏิบัติการอย่างเข้มข้น และต้องขอให้ประชาชนในพื้นที่ปฏิบัติตามประกาศของทางราชการอย่างเคร่งครัด เพื่อให้เกิดความปลอดภัย

สรุปสถานการณ์และการเตรียมความพร้อมด้านการแพทย์และสาธารณสุข (ข้อมูลล่าสุด ถึงเวลา 08.00 น. วันที่ 22 ธ.ค.68)

– ประชาชนเสียชีวิต (ผลกระทบทางอ้อมจากเหตุการณ์) 37 คน

– ประชาชนเสียชีวิต (ผลกระทบจากการโจมตของกัมพูชา) 1 คน

– ประชาชนได้รับบาดเจ็บ (จากการโจมตีของกัมพูชา) 6 คน

– ศูนย์พักพิง จำนวน 848 แห่ง

– ประชาชนในศูนย์พักพิง 167,395 คน

– โรงพยาบาลได้รับผลกระทบ 20 แห่ง

– รพ.สต. ได้รับผลกระทบ 197 แห่ง

นางมาระตี นะลิตา อันดาโม รองโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ระบุว่า ประเด็นทุ่นระเบิดสังหารนี้ ฝ่ายไทยให้ความสำคัญมาโดยตลอดตั้งแต่เกิดเหตุปะทะ โดยเหตุการณ์เมื่อวาน (21 ธ.ค.) ถือเป็นครั้งที่ 8 ที่ทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ซึ่งล่าสุด กระทรวงการต่างประเทศ ได้ออกแถลงการณ์ประท้วงไปถึงกัมพูชา พร้อมแถลงประณามอย่างรุนแรงต่อเหตุการณ์ดังกล่าว โดยจะทำควบคู่ไปกับประธานรัฐภาคีอนุสัญญาออตตาวา รวมถึงเลขาธิการองค์การสหประชาชาติ (UN) ด้วยเช่นกัน

ซึ่งหลักฐานที่ชัดเจนในครั้งนี้ คือ สมุดบันทึกของทหารกัมพูชาที่ฝ่ายไทยตรวจพบ ได้ปรากฎข้อความเป็นวิธีการใช้งานทุ่นระเบิดสังหารบุคคล รวมถึงข้อมูลพิกัดตำแหน่งที่ฝ่ายกัมพูชาได้วางทุ่นระเบิดดังกล่าวไว้ในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา อันถือว่าเป็นหลักฐานที่กัมพูชาไม่สามารถปฏิเสธได้

“ครั้งที่ 8 นี้ต่างจากครั้งก่อน ๆ เพราะหลักฐานที่เรานำเสนอ เป็นหลักฐานที่ตรวจพบในพื้นที่บริเวณเกิดเหตุ เป็นสมุดโน้ตของทหารกัมพูชา ซึ่งมีทั้งพิกัด แผนที่การวางทุ่นระเบิด ซึ่งสะท้อนถึงเจตนารมย์ของฝ่ายทหารกัมพูชาอย่างชัดเจน ถือเป็นข้อมูลหลักฐานที่ปฏิเสธไม่ได้” รองโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ระบุ

โดยประเด็นนี้ ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ ได้หยิบยกหารือกับผู้แทนพิเศษของจีน ที่เดินทางมาพบเมื่อวันที่ 21 ธ.ค. ก่อนที่จะเดินทางไปเข้าร่วมประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศ สมัยพิเศษ ที่ประเทศมาเลเซีย ซึ่งนายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รมว.ต่างประเทศ ได้เข้าร่วมประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน สมัยพิเศษ ในครั้งนี้ด้วย โดยนายนิกรเดช พลางกูร โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ จะกลับมาแถลงรายละเอียดผลลัพธ์การประชุมดังกล่าว ที่ประเทศไทยในวันพรุ่งนี้ (23 ธ.ค.)

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (22 ธ.ค. 68)