88TH ลุ้นตลาดจีนเป็น Upside ยอดขายปี 69 โตเกิน 30% คุมคชจ.ดันกำไรไม่หวั่นเศรษฐกิจชะลอ

นางณัฐฐินี ชวนะนิกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. 88 (ไทยแลนด์) [88TH] เปิดเผยกับ “อินโฟเควสท์” ถึงทิศทางธุรกิจในปี 2569 โดยบริษัทตั้งเป้าการเติบโตของรายได้จากการขายไว้ที่ 20-30% หรือแตะระดับ 800 ล้านบาทและวางเป้าโตต่อเนื่องยอดขายแตะ 1,000 ล้านบาทในปี 70 พร้อมมุ่งรักษาระดับอัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin) ที่ 68-69% และผลักดันอัตรากำไรสุทธิ (Net Profit Margin) ให้เติบโตสูงขึ้นกว่าระดับปัจจุบันที่ 15% แม้เศรษฐกิจจะมีความผันผวน แต่บริษัทมั่นใจในกลยุทธ์การบริหารจัดการค่าใช้จ่ายและการขยายตลาด โดยเฉพาะการบุกตลาดจีนที่เป็น Upside สำคัญในปี 2569

โดยในปี 68 บริษัทได้เซ็นสัญญากับตัวแทนจำหน่ายในประเทศจีน ซึ่งอยู่ระหว่างการพูดคุยกับพันธมิตรเพื่อวางแผนการส่งออกผลิตภัณฑ์ล็อตแรกในไตรมาส 1/69 โดยกลยุทธ์การขยายตลาดจีนจะเริ่มจากการขายผ่านช่องทาง Cross-border หรือขายผ่านช่องทางของพันธมิตร ก่อนจะขยายสู่ช่องทางโมเดิร์นเทรดต่อไป อย่างไรก็ตามการสร้างแบรนด์ในจีนต้องใช้เวลา ซึ่งตั้งเป้าหมายยอดขายจากจีนอาจมีสัดส่วน 10-20% ของรายได้รวมในปี 69 และคาดว่าจะเติบโตอย่างก้าวกระโดดในปีถัดไป นอกจากประเทศจีน บริษัทยังได้จดทะเบียนเครื่องหมายการค้าในประเทศเพื่อนบ้าน เช่น ลาว อินโดนีเซีย และเวียดนาม เพื่อเตรียมความพร้อมในการขยายตลาดในอนาคต

ทั้งนี้บริษัทเตรียมงบ 700 ล้านบาทสำหรับเป็นเงินทุนหมุนเวียน และงบการตลาดในปี 69

สำหรับผลประกอบการในปี 68 เติบโตตามเป้าหมายที่ 30% (YoY) โดยเฉพาะในไตรมาส 4/68 ที่มีผลงานแข็งแกร่งใกล้เคียงกับช่วง Peak Season อย่างไตรมาส 1 โดยมีปัจจัยหนุนจากการทำ Live Streaming ที่ช่วยให้ยอดขายออนไลน์พุ่งสูงที่สุดเมื่อเทียบกับไตรมาสอื่นๆ ในปีเดียวกัน

“เรามองว่าปีหน้าแม้เศรษฐกิจจะมีความท้าทาย แต่สินค้าของเราเป็นของใช้จำเป็นที่ต้องมีการซื้อซ้ำ นอกจากนี้ เรายังคาดหวังว่านโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐ จะช่วยกระตุ้นกำลังซื้อโดยรวม และของใช้จำเป็นจะได้รับอานิสงส์ด้วย”

สำหรับกลยุทธ์การเติบโตในปี 69 ประกอบด้วย

1.ช่องทางการจัดจำหน่ายที่สมดุล ปัจจุบันบริษัทมีรายได้จาก 3 ช่องทางหลักในสัดส่วนที่ใกล้เคียงกันหรือระดับ 30% ได้แก่ ตัวแทนจำหน่าย , โมเดิร์นเทรด และช่องทางออนไลน์ ซึ่งแต่ละช่องทางมีจุดแข็งและช่วยกระจายความเสี่ยงซึ่งกันและกัน โดยเฉพาะข่องทางโมเดิร์นเทรด ข่วยลดความเสี่ยงได้ดี

2. การพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ บริษัทยังคงเดินหน้าออกผลิตภัณฑ์ใหม่อย่างต่อเนื่อง โดยจะเน้นขยายไลน์สินค้าในกลุ่มแฮร์แคร์ภายใต้แบรนด์ “ไลโอ (LYO)” ซึ่งเป็นแบรนด์หลักที่สร้างรายได้กว่า 90% พร้อมทั้งพัฒนาสินค้าในกลุ่มสกินแคร์ “โฮน (HONE)” และเครื่องสำอาง “เวอร์ 88 (Ver.88)” เพื่อตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของตลาด

3. ความยืดหยุ่นและปรับตัวเร็ว ในยุคที่ตลาดเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะช่องทางออนไลน์ จึงต้องพร้อมปรับตัวและคว้าโอกาสใหม่ๆ ได้ทันท่วงที ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้สามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้แม้ราคาหุ้นของบริษัทจะเคลื่อนไหวต่ำกว่าราคา IPO ในช่วงที่ผ่านมา แต่บริษัทยังคงความเชื่อมั่นว่าผลประกอบการที่เติบโตอย่างต่อเนื่องตามแผน ควบคุมค่าใช้จ่ายอย่างดีที่สุด และการสื่อสารกับนักลงทุนอย่างสม่ำเสมอ แม้ภาวะเศรษฐกิจปัจจุบันจะมีความท้าทาย แต่จากกลยุทธ์การดำเนินงานของบริษัทจะช่วยสร้างความมั่นใจและสะท้อนมูลค่าที่แท้จริงของบริษัทได้ รวมทั้งตอบแทนผู้ถือหุ้นได้

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (23 ธ.ค. 68)