
รัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้การนำของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ประกาศข้อเสนอจ่ายเงินให้ผู้อพยพผิดกฎหมาย 3,000 ดอลลาร์สหรัฐ พร้อมออกค่าตั๋วเครื่องบินให้ฟรี หากยินยอมเดินทางออกจากสหรัฐฯ โดยสมัครใจก่อนสิ้นปีนี้ ซึ่งเงินอัดฉีด 3,000 ดอลลาร์นี้ ถือว่าเพิ่มขึ้นถึง 3 เท่า จากเดิมที่เคยประกาศไว้ 1,000 ดอลลาร์เมื่อเดือนพ.ค.
กระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิสหรัฐฯ เปิดเผยว่า ผู้อพยพที่ไม่มีเอกสารที่ลงทะเบียนเนรเทศตัวเองผ่านแอปพลิเคชัน จะได้รับการดูแลเรื่องการเดินทางและรัฐบาลออกค่าใช้จ่ายให้ทั้งหมด ทั้งยังได้รับสิทธิ์ยกเว้นค่าปรับหรือบทลงโทษทางแพ่งจากการอยู่เกินกำหนดด้วย
การเพิ่มเงินจูงใจครั้งนี้ถือเป็นมาตรการล่าสุดในการเร่งระบายคนออกนอกประเทศและลดภาระค่าใช้จ่ายในการไล่ล่าจับกุม โดยรัฐบาลประเมินว่าค่าใช้จ่ายในการจับกุม กักตัว และเนรเทศผู้อพยพหนึ่งคนนั้นสูงถึงประมาณ 17,000 ดอลลาร์ ดังนั้นแม้จะเพิ่มเงินจูงใจเป็น 3,000 ดอลลาร์ รัฐก็ยังประหยัดงบประมาณได้มหาศาล
ทั้งนี้ นับตั้งแต่เดือนมกราคม 2568 มีผู้อพยพสมัครใจเนรเทศตัวเองไปแล้ว 1.9 ล้านคน โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ ระบุในแถลงการณ์ว่า ชาวต่างชาติที่เข้าเมืองผิดกฎหมาย “ควรใช้ประโยชน์จากของขวัญชิ้นนี้และเนรเทศตัวเองออกไปเสีย เพราะถ้าไม่ทำ เราจะตามหาตัว จับกุม และจะไม่มีโอกาสได้กลับมาที่นี่อีกเลย”
การเพิ่มเงินจูงใจครั้งนี้มีขึ้นหลังจากยอดการจับกุมและเนรเทศแบบบังคับยังไม่เข้าเป้า 1 ล้านคนตามที่รัฐบาลตั้งไว้ โดยข้อมูลจากหน่วยงานตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากรสหรัฐฯ (ICE) ระบุว่า นับตั้งแต่เข้ารับตำแหน่ง รัฐบาลทรัมป์เนรเทศคนออกไปแล้วกว่า 335,000 คน
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (23 ธ.ค. 68)





