Yardeni Research เพิ่มเป้าราคาทองคำสิ้นปี 2569 เป็น 6,000 ดอลลาร์

ยาร์เดนี รีเสิร์ช (Yardeni Research) บริษัทวิจัยและให้คำปรึกษาทางการเงินและการลงทุนของสหรัฐฯ ปรับเพิ่มแนวโน้มราคาทองคำ โดยระบุว่าการพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็วของทองและโลหะมีค่าอื่น ๆ เกิดจากความกังวลด้านเศรษฐกิจมหภาคและนโยบายการเงิน-การคลังของสหรัฐฯ มากกว่าการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก

ยาร์เดนีปรับเป้าราคาทองคำสิ้นปี 2569 เป็น 6,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ หลังราคาทะลุ 4,500 ดอลลาร์สหรัฐ และย้ำมุมมองระยะยาวว่า ทองคำอาจแตะ 10,000 ดอลลาร์สหรัฐภายในสิ้นทศวรรษนี้ แม้ในระยะสั้นทองคำและดัชนี S&P500 มักเคลื่อนไหวสวนทางกัน แต่ในระยะยาวมีแนวโน้มปรับขึ้นไปในทิศทางเดียวกัน

ทั้งนี้ ราคาทองคำปรับขึ้นมาแล้วประมาณ 69% เมื่อเทียบกับปีก่อน แต่ยังเพิ่มขึ้นน้อยกว่าโลหะเงิน พลาตินัม และพัลลาเดียม

ทองคำยังคงอยู่ในช่วงขาขึ้น นับตั้งแต่ทำราคาทะลุระดับ 2,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์เมื่อต้นปี 2567 โดยในเวลานั้นยาร์เดนีปรับมุมมองเป็นบวกต่อทองคำ เนื่องจากธนาคารกลางต่าง ๆ เข้าซื้อทองเพิ่มขึ้น หลังการอายัดเงินสำรองระหว่างประเทศของรัสเซีย

ขณะที่โลหะเงิน พลาตินัม และพัลลาเดียม พุ่งขึ้นทำสถิติสูงสุดเช่นกัน แม้ธนาคารกลางไม่ได้เข้าซื้อโลหะเหล่านี้ จึงสะท้อนว่าการเคลื่อนไหวของราคาโลหะมีค่าไม่ได้เกิดจากแรงซื้อเชิงอุตสาหกรรมเพียงอย่างเดียว

ยาร์เดนีมองว่า ราคาปัจจุบันอาจสะท้อนความวิตกของนักลงทุนต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจมากเกินไปของสหรัฐฯ ทั้งนโยบายการเงินและการคลัง แม้ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะชะลอการปรับลดดอกเบี้ยในต้นปี 2569 แต่ยังมุ่งซื้อพันธบัตรรัฐบาลระยะสั้นประมาณ 4 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐต่อเดือนจนถึงเม.ย.

ด้านการคลัง สก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ ระบุถึงความเป็นไปได้ในการคืนภาษีให้ครัวเรือนละ 1,000–2,000 ดอลลาร์ในฤดูยื่นภาษีปี 2569 รวมถึงการจ่ายเงินชดเชยอากรศุลกากร ซึ่งอาจทำให้การขาดดุลงบประมาณขยายตัวและกดดันอัตราผลตอบแทนพันธบัตร

จากปัจจัยเหล่านี้ ยาร์เดนีจึงปรับเป้าราคาทองคำสิ้นปี 2569 เป็น 6,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ และย้ำมุมมองระยะยาวว่า ทองคำอาจแตะ 10,000 ดอลลาร์สหรัฐภายในสิ้นทศวรรษนี้

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (23 ธ.ค. 68)