ตลาดหุ้นยุโรปทำนิวไฮ ได้แรงหนุนจากกลุ่มเฮลท์แคร์

ตลาดหุ้นยุโรปปิดที่ระดับสูงสุดครั้งใหม่ในวันอังคาร (23 ธ.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการปรับตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มเฮลท์แคร์ หลัง Novo Nordisk บริษัทขนาดใหญ่ได้รับการอนุมัติจากสหรัฐฯ สำหรับการจำหน่ายยาลดน้ำหนักชนิดเม็ด

  • ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดที่ระดับ 588.73 จุด เพิ่มขึ้น 1.98 จุด หรือ +0.34%
  • ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 8,103.85 จุด ลดลง 17.22 จุด หรือ -0.21%
  • ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 24,340.06 จุด เพิ่มขึ้น 56.09 จุด หรือ +0.23% และ
  • ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 9,889.22 จุด เพิ่มขึ้น 23.25 จุด หรือ +0.24%

 

หุ้น Novo Nordisk พุ่งขึ้น 9.2% ทำสถิติปรับขึ้นในวันเดียวมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนส.ค. 2566 หลังสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาของสหรัฐฯ อนุมัติยาลดน้ำหนักชนิดเม็ดของบริษัท ซึ่งช่วยให้บริษัทยายักษ์ใหญ่จากเดนมาร์กได้เปรียบในการแข่งขันนำยาควบคุมน้ำหนักแบบรับประทานออกสู่ตลาด และกลับมาสร้างแรงส่งในการแข่งขันกับคู่แข่งจากสหรัฐฯ อย่าง Eli Lilly

ผู้ผลิตยา Wegovy ซึ่งเคยเป็นขวัญใจนักลงทุน เคยสูญเสียมูลค่าตลาดไปหลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐในช่วงต้นปีนี้ ท่ามกลางความกังวลว่าจะเสียความได้เปรียบในตลาดยารักษาโรคอ้วนที่บริษัทเป็นผู้บุกเบิก

หุ้นกลุ่มเฮลท์แคร์ปรับตัวขึ้น 1.4% ทำผลงานได้ดีกว่ากลุ่มอื่น ๆ ในตลาด

ดัชนีวัดความผันผวนของหุ้นในยูโรโซนลดลง 0.36 จุด มาอยู่ที่ 14.04 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบกว่า 1 ปี

หุ้นกลุ่มทรัพยากรพื้นฐานเพิ่มขึ้น 1% หลังราคาโลหะเงินทะยานขึ้นเหนือระดับ 70 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์เป็นครั้งแรก ขณะที่หุ้นกลุ่มสาธารณูปโภคเพิ่มขึ้น 0.8%

นักวิเคราะห์รายหนึ่งกล่าวว่า แนวโน้มขาขึ้นของราคาโลหะยังคงแข็งแกร่ง แต่สภาวะการซื้อมากเกินไปกำลังก่อตัว เนื่องจากบรรยากาศการลงทุนมีลักษณะเก็งกำไรสูง โดยเฉพาะในตลาดโลหะเงิน พร้อมเตือนว่าสภาพคล่องที่เบาบางในช่วงวันหยุดอาจทำให้ความผันผวนเพิ่มขึ้น และอาจทำให้เกิดการปรับฐานรุนแรง

ในทางตรงกันข้าม หุ้นกลุ่มยานยนต์ปรับตัวลง โดยหุ้น Valeo และหุ้น Renault ร่วงลงราว 1.5%

ดัชนี STOXX 600 มีแนวโน้มทำผลงานรายปีแข็งแกร่งที่สุดนับตั้งแต่ปี 2564 โดยได้แรงหนุนจากอัตราดอกเบี้ยที่ลดลง ความมุ่งมั่นด้านการใช้จ่ายทางการคลังของเยอรมนี และการกระจายพอร์ตการลงทุนออกจากหุ้นเทคโนโลยีของสหรัฐฯ ที่มีมูลค่าสูง

เมื่อวันจันทร์ จีนระบุว่าจะเรียกเก็บภาษีชั่วคราวสูงสุดถึง 42.7% ต่อการนำเข้าผลิตภัณฑ์นมจากสหภาพยุโรป ซึ่งถูกมองว่าเป็นการตอบโต้ต่อมาตรการภาษีของสหภาพยุโรปที่มีต่อยานยนต์ไฟฟ้า

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (24 ธ.ค. 68)