สหรัฐฯ แบนวีซ่าอดีตกมธ.EU–นักเคลื่อนไหว อ้างบังคับแพลตฟอร์มมะกันเซ็นเซอร์เนื้อหา

กระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ ประกาศห้ามออกวีซ่าสำหรับบุคคล 5 คนจากสหภาพยุโรป (EU) และอังกฤษ โดยระบุว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการเซ็นเซอร์เนื้อหาบนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียในสหรัฐฯ

ตามแถลงการณ์ของกระทรวงฯ เมื่อวันอังคาร (23 ธ.ค.) การจำกัดวีซ่าครั้งนี้เป็นไปตามกลยุทธ์ความมั่นคงแห่งชาติของรัฐบาลสหรัฐฯ ที่เผยแพร่ต้นเดือนธ.ค. ซึ่งกล่าวหาผู้นำยุโรปจำกัดเสรีภาพในการแสดงออก

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า นักการทูตสหรัฐฯ ไม่เห็นด้วยกับกฎหมายบริการดิจิทัล (Digital Services Act หรือ DSA) ของ EU ที่ออกแบบมาควบคุมคำพูดเกลียดชัง ข่าวเท็จ และข้อมูลบิดเบือน ซึ่งสหรัฐฯ เห็นว่าเป็นการจำกัดเสรีภาพและสร้างภาระในการปฏิบัติตามต่อบริษัทเทคโนโลยีของสหรัฐฯ

ด้านมาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ กล่าวว่า กระทรวงฯ กำลังดำเนินการอย่างเด็ดขาดกับบุคคลทั้ง 5 ที่อยู่เบื้องหลังความพยายามบังคับแพลตฟอร์มสหรัฐฯ ให้เซ็นเซอร์ ลดรายได้ และปิดกั้นมุมมองของชาวอเมริกันที่พวกเขาไม่เห็นด้วย

ต่อมา ซาราห์ โรเจอร์ส รัฐมนตรีช่วยด้านการทูตสาธารณะ เปิดเผยรายชื่อทั้ง 5 คนผ่านทางเอ็กซ์ รวมถึง เธียร์รี เบรตัน กรรมาธิการด้านตลาดภายในของคณะกรรมาธิการยุโรป (EC) ซึ่งโรเจอร์สกล่าวว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังกฎหมาย DSA

ส่วนอีก 4 รายประกอบด้วย อิมราน อาห์เหม็ด พลเมืองอังกฤษและซีอีโอของศูนย์ต่อต้านความเกลียดชังดิจิทัลสหรัฐฯ, แอนนา-เลนา ฟอน โฮเดนเบิร์ก และ โจเซฟีน บาโลน จากองค์กรไม่แสวงหากำไรของเยอรมนี HateAid และแคลร์ เมลฟอร์ด ผู้ร่วมก่อตั้ง Global Disinformation Index

ทั้งนี้ โฮเดนเบิร์กและบาโลน ระบุในแถลงการณ์ว่า การห้ามวีซ่าครั้งนี้เป็นความพยายามขัดขวางการบังคับใช้กฎหมายยุโรปต่อบริษัทสหรัฐฯ ที่ดำเนินงานในยุโรป และไม่ทำให้พวกเขาถูกข่มขู่จากข้อกล่าวหาเรื่อง “การเซ็นเซอร์” ขณะที่โฆษก Global Disinformation Index ชี้ว่า มาตรการของสหรัฐฯ เป็นเรื่องผิดศีลธรรม ผิดกฎหมาย และลดทอนเสรีภาพในการแสดงออก

 

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (24 ธ.ค. 68)