
พรรคประชาชน (ปชน.) ชี้แจงปมดีเบต ย้ำพรรคไม่มีนโยบายแตะ ม.112 สวนกลับ “อนุทิน” ตกหล่นข้อมูลหรือจงใจเล่นเกมการเมือง
นายวีระยุทธ กาญจน์ชูฉัตร รองหัวหน้าพรรคประชาชน ยืนยันว่า พรรคไม่มีนโยบายแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 หลังเกิดกระแสวิพากษ์จากกรณีที่นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคประชาชน กล่าวถึง “มาตรา 122” ในเวทีดีเบตครั้งแรก จนถูกนำไปโยงกับประเด็น ม.112 ซึ่งเป็นความเข้าใจผิด เพราะแท้จริงแล้วหมายถึง ร่างพ.ร.บ.สร้างเสริมสังคมสันติสุข (กฎหมายนิรโทษกรรม) ซึ่งปัจจุบันผ่านวาระของสภาผู้แทนราษฎรวาระ 2 และ 3 ไปแล้ว และอยู่ในขั้นตอนของวุฒิสภา
นายวีระยุทธ กล่าวต่อว่า ประเด็น ม.112 ถูกนำมาใช้เป็นเหตุผลทางการเมืองมาโดยตลอด พร้อมยกตัวอย่างโพสต์ของนายบรรยง พงษ์พานิช ภายหลังการเลือกตั้งปี 2566 ที่ระบุว่า แท้จริงแล้วความขัดแย้งไม่ได้อยู่ที่เรื่องความจงรักภักดี แต่เป็นเพราะนโยบายของพรรคประชาชนที่มุ่งลดขนาดรัฐ ลดกฎหมาย ลดทุนผูกขาด ลดอำนาจอภิสิทธิ์ชน และเพิ่มภาษีคนรวย ซึ่งเป็นสิ่งที่กระทบต่อโครงสร้างเดิม
สำหรับการจัดตั้งรัฐบาล นายวีระยุทธ ได้ย้ำหลักการสำคัญว่า พรรคที่ได้รับเสียงอันดับ 1 จากประชาชน ควรมีสิทธิเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งเป็นหลักการพื้นฐานของระบบรัฐสภา แต่ที่ผ่านมาในการเลือกตั้ง 2 ครั้งหลัง หลักการดังกล่าวไม่ถูกปฏิบัติ จึงเกิดความกังวลว่าจะมีความพยายามสกัดพรรคอันดับ 1 อีกครั้ง พร้อมยืนยันว่า ไม่ว่าพรรคใดจะได้อันดับ 1 ก็ควรได้รับโอกาสจัดตั้งรัฐบาล และควรดำเนินการโดยเร็ว
เมื่อถูกถามถึงกรณีที่พรรคประชาชนอาจได้อันดับ 1 แต่ไม่สามารถรวบรวมเสียงข้างมากได้ นายวีระยุทธ ระบุว่า ตอนนี้เงื่อนไขเอาวาระเป็นตัวนำ อาจมีบางพรรคที่ประกาศไม่ร่วม แต่ที่เหลือเปิดประตู สุดท้ายโจทย์คือเสถียรภาพที่เพียงพอ ซึ่งตอนนี้ยังไม่สามารถพูดได้เพราะขึ้นกับตัวเลข สส. ที่ออกมาหลังการเลือกตั้ง และเสถียรภาพของรัฐบาลในอนาคต ซึ่งยังไม่สามารถประเมินล่วงหน้าได้
ส่วนกรณีที่พรรคประชาชนประกาศไม่ร่วมกับพรรคภูมิใจไทยและพรรคกล้าธรรมชัดเจน ทำให้ตัวเลือกการรวมเสียงจำกัดหรือไม่นั้น นายวีระยุทธ ระบุว่า ต้องรอดูตัวเลขหลังเลือกตั้ง พร้อมชี้ว่า โพลต่าง ๆ สะท้อนว่าการเลือกตั้งครั้งนี้คือการตัดสินใจว่าจะให้พรรคสีส้ม หรือพรรคสีน้ำเงินเป็นแกนนำรัฐบาล ซึ่งนายณัฐพงษ์ ประกาศชัดว่าการเลือกตั้งครั้งนี้จะเป็นการตัดสินใจอนาคตว่า ประชาชนคนไทยอยากเห็นรัฐบาลพรรคประชาชน หรือรัฐบาลอนุทิน เป็นทางเลือก 2 ทาง หากประชาชนพอใจกับการบริหารที่ผ่านมา ก็สามารถเลือกต่อได้ แต่หากเห็นว่า 10 ปีที่ผ่านมาไม่สามารถไปต่อได้ ก็มีทางเลือกใหม่
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (26 ธ.ค. 68)





