จีนคุมเข้มการผลิตเหล็ก รับมืออุปสงค์ซบ-กำลังผลิตส่วนเกิน

จีนประกาศเดินหน้าควบคุมการผลิตเหล็กดิบอย่างต่อเนื่อง พร้อมห้ามเพิ่มกำลังการผลิตใหม่ที่ผิดกฎหมายในช่วงปี 2569-2573 เพื่อแก้ปัญหากำลังการผลิตล้นตลาด และความไม่สมดุลระหว่างอุปสงค์กับอุปทานในอุตสาหกรรมเหล็ก

รัฐบาลจีนระบุในวันนี้ (26 ธ.ค.) ว่า มาตรการดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของการปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมวัตถุดิบ โดยก่อนหน้านี้จีนได้ยุติการขยายตัวของการผลิตเหล็กดิบตั้งแต่ปี 2564 ภายใต้แผนจำกัดการปล่อยคาร์บอน ในช่วงที่จีนเป็นทั้งผู้ผลิตและผู้บริโภคเหล็กรายใหญ่ที่สุดของโลก

การควบคุมกำลังการผลิตยังเกิดขึ้นท่ามกลางอุปสงค์เหล็กภายในประเทศที่อ่อนแอจากภาวะตลาดอสังหาริมทรัพย์ซบเซายืดเยื้อ ส่งผลให้อุตสาหกรรมเหล็กเผชิญปัญหากำลังการผลิตส่วนเกินอย่างต่อเนื่อง

ข้อมูลระบุว่า ในช่วง 11 เดือนแรกของปี 2568 การผลิตเหล็กดิบของจีนลดลง 4% เมื่อเทียบกับปีก่อน และมีแนวโน้มว่าปริมาณการผลิตทั้งปีจะต่ำกว่า 1,000 ล้านตันเป็นครั้งแรกในรอบ 6 ปี

คณะกรรมการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติของจีน (NDRC) ระบุว่า อุตสาหกรรมวัตถุดิบ รวมถึงเหล็ก กำลังเผชิญปัญหาความไม่สมดุลระหว่างอุปสงค์กับอุปทาน พร้อมชี้ว่า จำเป็นต้องเร่งปฏิรูปด้านอุปทานให้เข้มข้นขึ้นในช่วงแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติระยะ 5 ปี ฉบับที่ 15 ระหว่างปี 2569-2573 เพื่อส่งเสริมการแข่งขันและคัดกรองผู้ประกอบการที่มีศักยภาพให้สามารถอยู่รอดในตลาด

นับตั้งแต่ปี 2566 การส่งออกเหล็กของจีนขยายตัวอย่างแข็งแกร่ง ซึ่งช่วยชดเชยอุปสงค์ภายในประเทศที่ชะลอลงบางส่วน อย่างไรก็ตาม การส่งออกเหล็กราคาถูกได้ก่อให้เกิดกระแสต่อต้านในหลายประเทศ ซึ่งเริ่มใช้มาตรการกีดกัน โดยให้เหตุผลว่าส่งผลกระทบต่อผู้ผลิตภายในประเทศ

ล่าสุด เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา จีนได้เปิดเผยแผนเตรียมนำระบบออกใบอนุญาตมาใช้ตั้งแต่ปี 2569 เพื่อกำกับดูแลการส่งออกสินค้าที่เกี่ยวข้องกับเหล็กราว 300 รายการ

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (26 ธ.ค. 68)