
บริษัทโตโยต้า มอเตอร์ คอร์ป (Toyota Motor Corp) ซึ่งเป็นผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ที่สุดของโลกเมื่อพิจารณาในแง่ปริมาณ มีแผนที่จะผลิตรถยนต์ทั่วโลกให้ได้กว่า 10 ล้านคันในปี 2569 ซึ่งเป็นระดับเดียวกับที่คาดการณ์ไว้สำหรับปีนี้ เนื่องจากความแข็งแกร่งของอุปสงค์รถยนต์ไฮบริดในอเมริกาเหนือ
สำนักข่าวเกียวโดรายงานโดยอ้างการเปิดเผยของแหล่งข่าวในวันนี้ (26 ธ.ค.) ว่า โตโยต้าได้เริ่มแจ้งแผนดังกล่าวให้ซัพพลายเออร์ที่ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ทราบแล้ว โดยบริษัทได้ทยอยเพิ่มกำลังการผลิตในสหรัฐอเมริกาและที่อื่น ๆ อย่างต่อเนื่อง แม้จะเผชิญกับภาระจากอัตราภาษีศุลกากรที่สูงขึ้นของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ รวมถึงมาตรการต่าง ๆ ที่บริษัทได้นำมาใช้เพื่อรับมือ
แหล่งข่าวระบุเพิ่มเติมว่า การผลิตรถยนต์โตโยต้าในประเทศญี่ปุ่นมีแนวโน้มสูงกว่า 3 ล้านคันในปีหน้า ซึ่งเป็นระดับที่จำเป็นต่อการรักษาการจ้างงานและขีดความสามารถทางเทคโนโลยี
ด้านโตโยต้าเปิดเผยเมื่อวานนี้ว่า การผลิตทั่วโลกในปีนี้ซึ่งนับจนถึงเดือนพ.ย.ที่ผ่านมา เพิ่มขึ้น 4.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า แตะที่ระดับ 9,175,827 คัน โดยตัวเลขดังกล่าวไม่รวมการผลิตจากบริษัทฮีโน่ มอเตอร์ส (Hino Motors) ผู้ผลิตรถบรรทุก และบริษัทไดฮัทสุ มอเตอร์ (Daihatsu Motor) ผู้ผลิตรถยนต์ขนาดเล็ก ซึ่งทั้งสองเป็นบริษัทในเครือของโตโยต้า
รายงานระบุว่า โตโยต้ามีความระมัดระวังเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงแผนการผลิตอย่างมีนัยสำคัญ หลังจากประเมินว่ามาตรการภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ จะทำให้กำไรจากการดำเนินงานของบริษัทลดลง 1.45 ล้านล้านเยน (9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) ในปีงบการเงิน 2569 ซึ่งจะเริ่มในเดือนเม.ย.ปีหน้า
ทั้งนี้ การผลิตทั่วโลกของโตโยต้าเคยพุ่งขึ้นทะลุระดับ 10 ล้านคันเป็นครั้งแรกในปี 2566 โดยแตะที่ระดับ 10,033,171 คัน ส่วนในปีต่อมา การผลิตลดลงเหลือ 9,521,876 คัน เนื่องจากผลกระทบจากข่าวอื้อฉาวเกี่ยวกับการโกงผลทดสอบคุณภาพรถยนต์ และการแข่งขันที่รุนแรงในจีน
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (26 ธ.ค. 68)





