
สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันศุกร์ (26 ธ.ค.) โดยได้รับแรงหนุนจากความคาดหวังว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก และความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์กระตุ้นความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัย
ทั้งนี้ สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ. เพิ่มขึ้น 49.90 ดอลลาร์ หรือ 1.11% ปิดที่ 4,552.70 ดอลลาร์/ออนซ์
นักวิเคราะห์จาก Zaner Metals ระบุว่า ความคาดหวังเกี่ยวกับการผ่อนคลายนโยบายการเงินของเฟดในปี 2569, ดอลลาร์สหรัฐที่อ่อนค่า และความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ที่เพิ่มขึ้น เป็นปัจจัยขับเคลื่อนตลาดท่ามกลางการซื้อขายที่เบาบาง และแม้ว่ามีความเสี่ยงจากการเทขายทำกำไรก่อนสิ้นปี แต่แนวโน้มราคาทองคำก็ยังคงแข็งแกร่ง
ตลาดคาดว่า เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 2 ครั้งในปี 2569 โดยครั้งแรกน่าจะเกิดขึ้นในช่วงกลางปี จากการคาดเดาว่าประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ อาจแต่งตั้งประธานเฟดที่เน้นผ่อนคลายนโยบายการเงิน
ดัชนีดอลลาร์สหรัฐฯ มีแนวโน้มลดลงในรอบสัปดาห์นี้ ซึ่งช่วยเพิ่มความน่าสนใจของทองคำที่กำหนดราคาเป็นดอลลาร์สำหรับนักลงทุนต่างประเทศ
ด้านภูมิรัฐศาสตร์นั้น ทรัมป์กล่าวเมื่อวันพฤหัสบดีว่า สหรัฐฯ ได้ดำเนินการโจมตีทางอากาศต่อกลุ่มไอซิสในไนจีเรียตอนเหนือ
นักวิเคราะห์รายหนึ่งระบุว่า ราคาทองคำมีเป้าหมายถัดไปอยู่ที่ 4,686.61 ดอลลาร์สหรัฐ และมีโอกาสแตะ 5,000 ดอลลาร์สหรัฐในช่วงครึ่งแรกของปีหน้า
ทองคำยังมีแนวโน้มปรับตัวขึ้นปีนี้สูงสุดนับตั้งแต่ปี 2522 โดยได้รับแรงหนุนจากนโยบายผ่อนคลายของเฟด, การซื้อของธนาคารกลาง, เงินทุนไหลเข้าของกองทุน ETF ทองคำ และแนวโน้มการลดใช้สกุลเงินดอลลาร์
ด้านอุปสงค์ที่แท้จริงนั้น ราคาทองในอินเดียมีส่วนลดมากขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 6 เดือน เนื่องจากราคาทองที่ปรับตัวขึ้นต่อเนื่องกดดันกำลังซื้อของผู้บริโภค ทำให้ยอดขายปลีกชะลอตัวลง ขณะที่ในจีนนั้น ส่วนลดราคาทองลดลงอย่างมาก หลังราคาเพิ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 5 ปีเมื่อสัปดาห์ก่อน
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (27 ธ.ค. 68)





