
นายวินิจ วิเศษสุวรรณภูมิ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภูมิภาค ประจำเดือนธันวาคม 2568 ซึ่งสะท้อนแนวโน้มเศรษฐกิจภูมิภาคในระยะ 6 เดือนข้างหน้า ที่ขยายตัวต่อเนื่อง นำโดยภาคตะวันออก และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยมาตรการสนับสนุนจากภาครัฐ ยังคงเป็นแรงสนับสนุนหลักที่สำคัญ ทั้งนี้ ควรติดตามทิศทางเศรษฐกิจไทยและเศรษฐกิจโลก ความชัดเจนทางการเมืองในประเทศ และสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชา
นอกจากนี้ กระทรวงการคลัง ได้จัดทำแบบสำรวจพิเศษเพื่อประเมินนโยบาย Quick Big Win พบว่า “โครงการคนละครึ่ง พลัส” “โครงการเพิ่มวงเงินสวัสดิการให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ปี 2568” และ “โครงการเที่ยวดีมีคืน” เป็นมาตรการที่ส่งผลต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ และความเป็นอยู่ของประชาชนในภูมิภาคมากที่สุด

- ภาคตะวันออก
ดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภาคตะวันออก อยู่ที่ระดับ 79.1 สะท้อนถึงความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจที่ขยายตัวได้ โดยเฉพาะในภาคบริการและภาคอุตสาหกรรม จากการประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยว และมาตรการส่งเสริมและพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวจากภาครัฐและเอกชน รวมถึงอุปสงค์สินค้าอุตสาหกรรมที่มีต่อเนื่อง และคาดว่า รัฐบาลจะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง สอดคล้องกับดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจ ในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ที่อยู่ที่ระดับ 84.0
- ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อยู่ที่ระดับ 75.2 โดยมีแรงสนับสนุนหลักจากภาคเกษตร และภาคอุตสาหกรรม เนื่องจากจะเข้าสู่ช่วงฤดูกาลเพาะปลูก สภาพอากาศคาดว่าจะเอื้ออำนวย ขณะที่อุปสงค์สินค้าเกษตรและอุตสาหกรรม มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ตามทิศทางการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย
- ภาคเหนือ
ดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภาคเหนือ อยู่ที่ระดับ 73.8 โดยมีปัจจัยบวกจากภาคบริการ และภาคอุตสาหกรรม จากมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยว และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐที่คาดว่าจะมีต่อเนื่อง และคาดว่าจะมีผลผลิตเกษตร ซึ่งเป็นวัตถุดิบในการผลิตสินค้าอุตสาหกรรมแปรรูปเพิ่มมากขึ้น รวมถึงความต้องการสินค้าอุตสาหกรรมที่มีต่อเนื่อง
- ภาคตะวันตก
ดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภาคตะวันตก อยู่ที่ระดับ 71.2 โดยมีแรงสนับสนุนจากภาคบริการ และภาคเกษตรเป็นสำคัญ จากนโยบายกระตุ้นการบริโภคและสนับสนุนเศรษฐกิจของรัฐบาล รวมถึงการจัดกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวที่มีต่อเนื่อง จะช่วยสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย ขณะเดียวกันความต้องการสินค้าเกษตร คาดว่าจะเพิ่มมากขึ้นจากทั้งในและต่างประเทศ
- ภาคใต้
ดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภาคใต้ อยู่ที่ระดับ 70.3 โดยมีแรงขับเคลื่อนหลักจากภาคบริการ และการลงทุน ตามแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย และคาดว่า รัฐบาลชุดใหม่จะมีนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามความชัดเจนทางการเมืองในประเทศ ความแปรปรวนของสภาพอากาศ ที่อาจส่งผลกระทบต่อการเดินทางท่องเที่ยว และภาคเกษตร รวมถึงความผันผวนของเศรษฐกิจโลก และการแข่งขันในตลาดโลกที่สูงขึ้น
- ภาคกลาง
ดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภาคกลาง อยู่ที่ระดับ 67.6 โดยมีแรงสนับสนุนจากภาคเกษตรและภาคบริการ จากมาตรการสนับสนุนของรัฐบาล การขยายตัวของตลาดสินค้าเกษตร ประกอบกับการจัดกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยว และงานเทศกาลในหลายพื้นที่ ทั้งนี้ สภาพอากาศที่แปรปรวน และความไม่แน่นอนทางการเมืองในประเทศ อาจส่งผลให้นักท่องเที่ยวชะลอการเดินทาง และส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของประเทศไทย
- กทม. และปริมณฑล
ดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจ กทม. และปริมณฑล อยู่ที่ระดับ 67.0 โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากภาคอุตสาหกรรม และภาคบริการ อย่างไรก็ตาม ควรติดตามประเด็นแนวโน้มต้นทุนค่าแรงที่เพิ่มขึ้น และการแข่งขันด้านราคากับสินค้าจากประเทศจีน ทั้งนี้ มาตรการสนับสนุนและกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐที่คาดว่าจะมีอย่างต่อเนื่อง รวมถึงความชัดเจนทางการเมืองในประเทศ เสถียรภาพทางเศรษฐกิจโลก สภาพอากาศที่เอื้ออำนวยต่อการเพาะปลูกและการเดินทางท่องเที่ยว และความขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชา ที่บรรเทาลง จะเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย และยกระดับความเชื่อมั่นให้แก่ผู้ประกอบการ และนักลงทุน
- มาตรการ Quick Big Win ส่งผลต่อการเติบโตทางศก.
ในเดือนธันวาคม 2568 กระทรวงการคลัง ได้จัดทำการสำรวจพิเศษเพื่อประเมินผลกระทบของนโยบาย Quick Big Win ซึ่งสะท้อนความสำเร็จตามเป้าหมาย “กระตุ้นสั้น ได้ผลยาว กระจายตัว” อย่างชัดเจน โดยในระยะสั้นพบว่า โครงการคนละครึ่ง พลัส ส่งผลต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ และการยกระดับความเป็นอยู่ของประชาชนมากที่สุด เนื่องจากเป็นนโยบายที่สามารถเข้าถึงประชาชนในทุกภูมิภาค และมีส่วนช่วยกระตุ้นการใช้จ่ายให้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากเดือนก่อน
รองลงมาคือ โครงการเพิ่มวงเงินสวัสดิการให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ปี 2568 และมาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยว (เที่ยวดีมีคืน) ตามลำดับ
สำหรับในระยะปานกลาง-ระยะยาว โครงการที่คาดว่าจะส่งผลต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ และการยกระดับความเป็นอยู่ของประชาชนในภูมิภาคมากที่สุด คือ โครงการคนละครึ่ง พลัส โครงการเพิ่มวงเงินสวัสดิการให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ปี 2568 และมาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยว (เที่ยวดีมีคืน) ตามลำดับ
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (29 ธ.ค. 68)




