
กระทรวงข้อมูลและสถิติของเกาหลีใต้เปิดเผยในวันนี้ (31 ธ.ค.) ว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค ปรับตัวขึ้น 2.3% ในเดือนธ.ค. ซึ่งแม้ว่าชะลอตัวลงจากเดือนพ.ย.ที่ปรับตัวขึ้น 2.4% แต่ก็ยังอยู่สูงกว่าเป้าหมายเงินเฟ้อที่ธนาคารกลางเกาหลีใต้ (BOK) กำหนดไว้ที่ระดับ 2%
กระทรวงฯ ระบุว่า ปัจจัยที่ทำให้ดัชนี CPI เดือนธ.ค.ยังคงสูงกว่าเป้าหมายของธนาคารกลางนั้น มาจากราคาผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมที่พุ่งขึ้นถึง 6.1% ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.พ.ปีนี้
เมื่อแยกตามประเภทของผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม ราคาน้ำมันดีเซลทะยานขึ้น 10.8% ขณะที่ราคาน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น 5.7% ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงผลกระทบของเงินวอนที่อ่อนค่า โดยเกาหลีใต้เป็นประเทศที่ต้องพึ่งพาการนำเข้าพลังงานจากต่างประเทศอย่างมาก
ส่วนดัชนี CPI พื้นฐานที่ไม่นับรวมราคาอาหารและพลังงานซึ่งมีความผันผวน ปรับตัวขึ้น 2.3% ในเดือนธ.ค.
สำหรับตลอดปี 2568 ดัชนี CPI ของเกาหลีใต้ปรับตัวขึ้น 2.1% เมื่อเทียบรายปี ซึ่งแม้ว่าจะขยายตัวในอัตราต่ำสุดในรอบ 5 ปี หรือนับตั้งแต่ปี 2563 แต่ก็ยังสูงกว่าเป้าหมายเงินเฟ้อของธนาคารกลางที่ระดับ 2%
สถาบันการเงินรายใหญ่ระดับโลกได้ปรับเพิ่มคาดการณ์ตัวเลขเงินเฟ้อของเกาหลีใต้ในปี 2569 โดยระบุว่า เงินวอนที่อ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่องเมื่อเทียบกับสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ เป็นสาเหตุสำคัญที่จะทำให้เงินเฟ้อปรับตัวสูงขึ้น
สำนักข่าวยอนฮับรายงานผลสำรวจสถาบันการเงินทั่วโลกจำนวน 37 แห่ง ซึ่งรวมถึงวาณิชธนกิจรายใหญ่ ระบุว่า สถาบันการเงินส่วนใหญ่คาดการณ์ว่าดัชนี CPI ของเกาหลีใต้ในปี 2569 จะอยู่ที่ 2% เพิ่มขึ้นจากตัวเลขคาดการณ์ก่อนหน้านี้ที่ระดับ 1.9%
ด้านธนาคารกลางเกาหลีใต้ได้ปรับเพิ่มคาดการณ์ดัชนี CPI ในปี 2569 ของเกาหลีใต้ สู่ระดับ 2.1% จากตัวเลขคาดการณ์เดิมที่ระดับ 1.9% พร้อมกับเตือนว่า ดัชนี CPI ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค อาจเพิ่มขึ้นแตะระดับ 2.5% หากเงินวอนยังคงอ่อนค่าลง
เงินวอนอ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่อง และกลายเป็นสกุลเงินที่ทำผลงานย่ำแย่ที่สุดในเอเชียในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ ซึ่งเงินวอนที่อ่อนค่าลงอย่างมากนั้น มีความเสี่ยงที่จะทำให้เกาหลีใต้เผชิญภาวะเงินเฟ้อจากการนำเข้าและเร่งการไหลออกของเม็ดเงินทุน อีกทั้งจะทำให้ความพยายามของ BOK ในการผ่อนคลายนโยบายการเงินเพื่อสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจมีความซับซ้อนมากขึ้น
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (31 ธ.ค. 68)





