
นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ระดับ 38.05 บาท/ดอลลาร์ อ่อนค่าจาก เย็นวันศุกร์ที่ระดับ 37.85 บาท/ดอลลาร์
เงินบาทอ่อนค่าจากวันศุกร์ หลังจากที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ (บอนด์ยีลด์) ปรับตัวสูงขึ้นอีก ทำให้ตลาดเข้ามา ถือครองดอลลาร์สหรัฐเพิ่มขึ้น ขณะที่สัปดาห์นี้ปัจจัยสำคัญที่นักลงทุนรอติดตาม คือ การประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) โดยตลาดคาด การณ์ว่ารอบนี้เฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.75% ติดต่อกันเป็นครั้งที่ 4
“ตลาดรอดูผลประชุมเฟด คาดว่ารอบนี้เฟดจะยังปรับขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.75% ติดต่อกันเป็นครั้งที่ 4 นอกจากนี้ ตลาดรอดูว่า เฟดจะประเมินแนวโน้มเงินเฟ้อ และเศรษฐกิจสหรัฐในทิศทางใด”
นักบริหารเงิน ระบุ ขณะที่ปัจจัยในประเทศวันนี้ ติดตามการรายงานภาวะเศรษฐกิจการเงินเดือน ก.ย.จากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) การขาดดุลบัญชีเดินสะพัดจะเริ่มลดลงหรือไม่ นักบริหารเงิน คาดว่า วันนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 37.90-38.20 บาท/ดอลลาร์ THAI BAHT FIX 3M (28 ต.ค.) อยู่ที่ระดับ 1.10550% ส่วน THAI BAHT FIX 6M อยู่ที่ระดับ 1.52019%
ปัจจัยสำคัญ
– เงินเยนอยู่ที่ระดับ 148.11 เยน/ดอลลาร์ จากเย็นวันศุกร์ที่ระดับ 147.45 เยน/ดอลลาร์
– เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 0.9947 ดอลลาร์/ยูโร จากเย็นวันศุกร์ที่ระดับ 0.9943 ดอลลาร์/ยูโร
– อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของธปท.อยู่ที่ระดับ 37.752 บาท/ ดอลลาร์
– ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะเปิดเผยรายงานภาวะเศรษฐกิจการเงินเดือน ก.ย.65
– ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันศุกร์ (28 ต.ค.) โดยขานรับการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ
– สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบในวันศุกร์ (28 ต.ค.) โดยสัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่ง มอบเดือนธ.ค. ลดลง 20.8 ดอลลาร์ หรือ 1.25% ปิดที่ 1,644.8 ดอลลาร์/ออนซ์ เนื่องจากนักลงทุนเทขายสัญญาทองคำ หลังจากที่ ดอลลาร์และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐพุ่งขึ้น – กระทรวงแรงงานสหรัฐ เปิดเผยว่า ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ทั่วไป ซึ่งรวมหมวดอาหาร และพลังงาน ดีดตัวขึ้น 6.2% ในเดือนก.ย. เมื่อเทียบรายปี หลังจากปรับตัวขึ้น 6.2% เช่นกันในเดือนส.ค. และเมื่อเทียบรายเดือน ดัชนี PCE ทั่วไป เพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนก.ย.
– ผู้ว่าการธนาคารกลางจีน (PBOC) เปิดเผยว่า ทางแบงก์ชาติจะยกระดับมาตรการสนับสนุนทางสินเชื่อแก่เศรษฐกิจที่แท้ จริง และรักษาเสถียรภาพเงินหยวนในคราวเดียวกัน นอกจากนี้ ยังเตรียมยกระดับการกำกับดูแลทางการเงินและควบคุมความเสี่ยงทาง การเงินด้วย – China Foreign Exchange Trading System (CFETS) รายงานว่า อัตราค่ากลางสกุลเงินหยวนในวันนี้อ่อนค่าลง 0.007 หยวน แตะที่ 7.1768 หยวนต่อดอลลาร์สหรัฐ ทั้งนี้ ในตลาดปริวรรตเงินตราต่างประเทศของจีนนั้น เงินหยวนได้รับอนุญาตให้ปรับ ตัวขึ้นหรือลงไม่เกิน 2% จากอัตราค่ากลางของการซื้อขายแต่ละวัน
– โกลด์แมน แซคส์ คาดว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจปรับขึ้นดอกเบี้ยไปจนแตะระดับ 5% ในเดือนมีนาคม ปี 2023 เพิ่มขึ้น 0.25% จากที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ เนื่องจากเงินเฟ้อของสหรัฐสูงขึ้นจนน่ากังวล และเพื่อต้องการลดความร้อนแรงของเศรษฐกิจ สหรัฐ – FedWatch Tool ของ CME Group ชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 84.5% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% เป็นครั้งที่ 5 ติดต่อกันในการประชุมนโยบายวันที่ 1-2 พ.ย.นี้ และให้น้ำหนัก 51.4% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในเดือน ธ.ค. – นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิต- ภาคบริการ ขั้นสุดท้ายเดือน ต.ค., ดัชนีภาคการผลิต-ภาคบริการ เดือน ต.ค., ตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนเดือน ต.ค., จำนวนผู้ขอรับ สวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือน ต.ค.
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (31 ต.ค. 65)
Tags: ค่าเงินบาท, เงินบาท