น้ำมัน WTI พุ่งกว่า 2% หลังอิสราเอลโจมตีโครงสร้างพื้นฐานพลังงานอิหร่าน

ราคาน้ำมัน WTI พุ่งขึ้นกว่า 2% ในช่วงเช้าวันนี้ (16 มิ.ย.) หลังจากอิสราเอลโจมตีโรงงานแปรรูปก๊าซธรรมชาติ 2 แห่งในอิหร่าน ซึ่งส่งผลให้เกิดความกังวลว่าจะมีการโจมตีโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานของอิหร่านเป็นวงกว้างขวางมากขึ้น และจะส่งผลกระทบต่ออุปทานน้ำมันในตะวันออกกลาง

ณ เวลา 06.55 น.ตามเวลาไทย ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ส่งมอบเดือนก.ค. พุ่งขึ้น 1.57 ดอลลาร์ หรือ 2.15% แตะที่ 74.55 ดอลลาร์/บาร์เรล

สื่อของรัฐบาลอิหร่านรายงานว่า โดรนของอิสราเอลได้โจมตีแหล่งก๊าซธรรมชาติเซาท์พาร์ส (South Pars) ทางตอนใต้ของอิหร่านเมื่อวันเสาร์ (14 มิ.ย.) โดยการโจมตีดังกล่าวได้พุ่งเป้าไปที่โรงงานแปรรูปก๊าซธรรมชาติ 2 แห่ง โดยแหล่งก๊าซธรรมชาติเซาท์พาร์สเป็นหนึ่งในแหล่งก๊าซธรรมชาติที่ใหญ่ที่สุดในโลก

หนังสือพิมพ์เยรูซาเล็มโพสต์ (Jerusalem Post) รายงานว่า อิสราเอลยังได้โจมตีคลังน้ำมันขนาดใหญ่ใกล้กรุงเตหะราน เมืองหลวงของอิหร่านด้วย ขณะที่หนังสือพิมพ์ไทม์ส ออฟ อิสราเอล (Times of Israel) ระบุว่า ขีปนาวุธของอิหร่านได้สร้างความเสียหายแก่โรงกลั่นน้ำมันขนาดใหญ่ในเมืองไฮฟาของอิสราเอล

ทั้งนี้ การสู้รบทางอากาศระหว่างอิสราเอลและอิหร่านได้ล่วงเข้าสู่วันที่ 3 ในวันอาทิตย์ (15 มิ.ย.) ขณะที่อิสราเอลขู่ว่าจะใช้กำลังที่รุนแรงยิ่งขึ้น เนื่องจากขีปนาวุธบางส่วนของอิหร่านสามารถทะลุผ่านระบบป้องกันภัยทางอากาศของอิสราเอลเข้าไปโจมตีอาคารต่าง ๆ ในใจกลางอิสราเอลได้

การสู้รบระหว่างสองฝ่ายบ่งชี้ถึงความขัดแย้งที่ยืดเยื้อ หลังจากอิสราเอลเปิดฉากโจมตีอิหร่านอย่างไม่คาดคิดเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ซึ่งมุ่งเป้าไปที่โครงการนิวเคลียร์และฐานทัพทหารของอิหร่าน และได้สังหารนายพลระดับสูงและนักวิทยาศาสตร์นิวเคลียร์หลายคน โดยที่ทั้งสองฝ่ายยังไม่มีท่าทีว่าจะยอมถอย

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (16 มิ.ย. 68)