กลุ่มรวมพลังแผ่นดิน นัดชุมนุมใหญ่อนุสาวรีย์ชัยฯ เสาร์ 28 มิ.ย. แสดงพลังขับไล่นายกฯ

กลุ่มรวมพลังแผ่นดิน ประกอบด้วย อดีตแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย, นักวิชาการ, นักเคลื่อนไหวการเมือง, ศิลปิน, นักการเมือง และ อดีต สส. สว. ตลอดจนภาคส่วนอื่น ๆ นัดรวมตัวเพื่อเรียกร้องให้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ลาออกจากตำแหน่ง และขอให้พรรคร่วมรัฐบาล ถอนตัวจากการร่วมรัฐบาลทันที จากกรณี “คลิปเสียง” สนทนาระหว่างนายกรัฐมนตรี และสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา โดยทางกลุ่มรวมพลังแผ่นดิน ได้นัดให้ประชาชนชาวไทยรวมตัวแสดงพลังกัน ในวันเสาร์ที่ 28 มิ.ย.นี้ เวลา 16.00-21.00 น. บริเวณอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ พร้อมคาดหวังจะมีผู้ร่วมชุมนุมกว่า 1.5 แสนคน

นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ประธานมูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดิน กล่าวว่า วันนี้มาในฐานะประธานมูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดิน และเป็นตัวแทนนายสนธิ ลิ้มทองกุล แห่งบ้านพระอาทิตย์ เพื่อมาเป็นสักขีพยานและร่วมประกาศแถลงการณ์การรวมตัวของภาคประชาชนที่รักชาติ เพื่อแสดงพลังปกป้องแผ่นดินในครั้งนี้ ที่บอกว่าเรากำลังถูกยั่วยุให้แตกแยกกัน เราจึงต้องสามัคคีกับรัฐบาล แต่สำหรับตนแล้วเราจะสามัคคีกับรัฐบาลที่ปกป้องชาติเท่านั้น ไม่ได้ร่วมมือกับรัฐบาลขายชาติ ประชาชนในชาติไม่ได้เกิดความแตกแยก เมื่อฟังคลิปเสียงแล้วก็รู้ว่านายกรัฐมนตรีได้กระทำผิดแล้ว พฤติกรรมของนายกรัฐมนตรีเป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติ ส่วนพรรคร่วมรัฐบาลหากไม่ถอนตัวก็ถือว่าเป็นการสนับสนุนนายกรัฐมนตรี

นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน กล่าวว่า พฤติกรรมของนายกรัฐมนตรีเป็นที่ประจักษ์ว่าเป็นฝ่ายตรงข้ามกับประเทศไทย เราไม่สามารถปล่อยให้บริหารประเทศต่อไปได้ พรรคร่วมรัฐบาลจากที่เคยพายเรือให้โจรนั่ง กลายเป็นพายเรือไปขายชาติ ซึ่งเราต้องคอยดูว่ามีใครช่วยพายเรือ

“ไม่มีผู้นำคนใดที่จะตัดหัวแม่ทัพไปบรรณาการให้ศัตรู นายจตุพร กล่าว

คนไทยต้องรวมพลังสามัคคีจัดการกับคนขายชาติก่อน การที่มาอ้างว่าคลิปเสียงส่วนตัวไม่ใช่สาระสำคัญ เพราะเนื้อหาเป็นเรื่องเกี่ยวกับประเทศชาติ พอมีเรื่องจวนตัวก็คว้าเสื้อเหลืองมาใส่ และลงพื้นที่ไปตรวจเยี่ยมเพื่อสร้างภาพ เสถียรภาพของรัฐบาลไม่ได้อยู่ที่จำนวนเสียงในสภา เพราะในยุคที่นายทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี มี 377 เสียงยังอยู่ไม่ได้เลย

พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย กล่าวว่า ตนพยายามที่จะต่อสู้กับระบอบทักษิณและยอมที่จะมาเป็นฝ่ายค้าน เพราะนายทักษิณ ชินวัตร ไม่ได้ทำอะไรเพื่อประชาชน แต่พยายามที่เจริญรอยตามสมเด็จฮุน เซน ที่จะสร้างความยิ่งใหญ่ในประเทศ โดยใช้อำนาจเงินฆ่าตัดตอนพรรคการเมืองต่างๆ

“ผมเห็นนายกฯ เป็นลูกเป็นหลาน ไม่อยากยุ่งเกี่ยว แต่พอมีคลิปออกมาก็อยู่เฉยไม่ได้ เพราะเป็นเรื่องของประเทศชาติ…พรรคร่วมรัฐบาลไม่ต้องไปประชุมอะไรกันอีกแล้ว ถ้าไม่ติดเรื่องผลประโยชน์” พล.ต.เสรีพิศุทธิ์ กล่าว

นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานพรรคไทยภักดี กล่าวว่า ประชาชนได้รับรู้ถึงข้อกังวลเรื่องผลประโยชน์ของชาติหลังมีคลิปเสียงหลุดออกมา และได้รับรู้ถึงจิตใจที่ชั่วร้ายทั้งต่อหน้าและลับหลังประชาชนจนไม่สามารถที่จะไปไว้วางใจได้ ท่าทีของนายกรัฐมนตรีที่พยายามแก้เกมโดยโยนความผิดไปให้ทางผู้นำกัมพูชา

ประชาชนทั่วประเทศต้องออกไปแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษนายกรัฐมนตรีในขัอหากบฎขายชาติ พร้อมเรียกร้องให้พรรคร่วมรัฐบาลเลิกสร้างภาพด้วยการประกาศถอนตัว ขณะที่ฝ่ายกองทัพก็เลิกสนับสนุนรัฐบาล

นายแก้วสรร อติโพธิ นักวิชาการด้านกฎหมาย กล่าวว่า กรณีที่เกิดขึ้นนี้อย่าทำให้เกิดปัญหาความเกลียดชังระหว่างคนไทยและคนกัมพูชา แต่ประชาชนทั้งสองชาติต้องช่วยกันกำจัดผู้นำที่มุ่งแต่ผลประโยชน์ส่วนตน โดยไม่ได้ดูแลประชาชน

น.ส.รสนา โตสิตระกูล อดีตสมาชิกวุฒิสภา กล่าวว่า คนไทยไม่ได้กลัวเขมร แต่คนที่กลัวคือนายทักษิณกับน.ส.แพทองธาร ซึ่งทำสิ่งที่อัปยศด้วยการปล้นแผ่นดิน ต้องระวังไม่ให้เกิดปัญหาความเกลียดชังกันระหว่างประชาชนทั้งสองประเทศ และขอบคุณที่เปิดคลิปเสียงทำให้เราได้ออกมาขับไล่รัฐบาล

นายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง นักวิชาการด้านเศรษฐศาสตร์ กล่าวว่า น.ส.แพทองธาร เป็นนายกรัฐมนตรีที่อ่อนด้อยที่สุด ไร้ประสบการณ์ ไร้วุฒิภาวะ แต่เรามาถึงจุดนี้ได้เพราะพรรคการเมืองที่ร่วมยกมือโหวตสนับสนุน เราคงปล่อยให้เด็กอมมือบริหารประเทศต่อไปไม่ได้

นายเจษฎ์ โทณะวณิก นักวิชาการด้านกฎหมาย กล่าวว่า เมื่อมีปัญหาผู้นำที่โง่เขลาเบาปัญญา เราต้องเริ่มด้วยการไล่นายกรัฐมนตรีก่อน โดย สส.ต้องไปยื่นเรื่องถอดถอนออกจากตำแหน่ง เราไม่ได้เรียกร้องให้เกิดการปฏิวัติรัฐประหาร

โดยในแถลงการณ์ ได้เรียกร้องให้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีลาออกทันที และให้พรรคร่วมรัฐบาลถอนตัวจากการร่วมรัฐบาลทันที เพราะสิ้นความชอบธรรมแล้ว เนื่องจากน.ส.แพทองธาร ในฐานะนายกรัฐมนตรี เป็นผู้ไร้ความสามารถเป็นที่ประจักษ์ ได้กระทำการในลักษณะเป็นปฏิปักษ์ต่อประเทศชาติ เข้าข่ายกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา หมวด 3 ว่าด้วยความผิดต่อความมั่นคงของรัฐภายนอกราชอาณาจักร ขัดต่อบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ หมวด 5 หน้าที่ของรัฐ มีพฤติการณ์ตามที่เป็นข่าวสาธารณะในเชิงสมคบคิด และแสดงออกซึ่งเจตนาในการใช้อำนาจหน้าที่ไปในทางตอบสนองความต้องการของอริราชศัตรู ทั้งแสดงตัวตนด้วยคำพูดที่ทำให้เข้าใจได้ว่าเป็นฝ่ายเดียวกับอริราชศัตรูที่มีความมุ่งหมายรุกล้ำ ละเมิดอำนาจอธิปไตย ยึดครองแผ่นดินไทย รวมถึงทรัพยากรของชาติ ทรยศต่อความไว้วางใจของประชาชนคนไทย และขัดต่อคำถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนเข้ารับหน้าที่นายกรัฐมนตรี

แม้ปรากฏข้อเท็จจริงประจักษ์ชัดตามข่าวสาธารณะ และการยอมรับของนายกรัฐมนตรี บรรดาคณะรัฐมนตรี และพรรคร่วมรัฐบาล ที่ยังคงสนับสนุนให้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ทำหน้าที่นายกรัฐมนตรีต่อไป ไม่ถอนตัวจากการร่วมรัฐบาล จึงอาจถือได้ว่าเข้าร่วมกระทำการกับนายกรัฐมนตรี มีพฤติการณ์เป็นปฏิปักษ์ต่อประเทศชาติเข้าข่ายกระทำความผิดตามกฎหมายอาญา กระทำการขัดต่อบทบัญญัติรัฐธธรรมนูญเช่นเดียวกัน

พร้อมเรียกร้องเชิญชวนประชาชนคนไทยทุกคน ร่วมมือร่วมใจ สามัคคี ลดเงื่อนไขความขัดแย้ง รวมกันเป็นพลังแผ่นดิน แสดงตนให้นายกรัฐมนตรีลาออกทันที พรรคร่วม รัฐบาลถอนตัวจากการร่วมรัฐบาลทันที พร้อมทั้งเป็นขวัญกำลังใจร่วมยืนเคียงข้างทหารทำหน้าที่ปกป้องแผ่นดินและอำนาจอธิปไตยของชาติอย่างกล้าหาญมันคง และร่วมกันปรึกษาหารือแนวทางแก้ไขปัญหาบ้านเมือง ตามวิถีทางการปกครองระบอบประชาธิปไตย และประเพณีการปกครองที่เหมาะสมกับสถานการณ์และลักษณะสังคมไทย โดยยึดถือหลักศีลธรรม หลักความสุจริต หลักสิทธิมนุษยชน หลักนิติธรรม และหลักธรรมาภิบาล อันจะทำให้สามารถขับเคลื่อนประเทศให้พัฒนาจนเกิดความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน ทั้งในด้านการเมือง เศรษฐกิจ สังคมและดุลสัมพันธ์ระหว่างประเทศสืบไป

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (20 มิ.ย. 68)